PTT คาดสรุปผลกระทบโรงแยกก๊าซ 5 ต่อรายได้-กำไรภายในสัปดาห์หน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 16, 2013 17:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวถึงกรณีที่โรงแยกก๊าซหน่วยที่ 5 ของบริษัท ปิดซ่อม 3-5 เดือนจากเหตุฟ้าผ่า ทำให้ก๊าซ LPG หายไป 2.5 พัน/วัน หรือ 25% ของกำลังการผลิตรวม แต่โรงแยกก๊าซหน่วยที่ 1-4 และโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ยังดำเนินการต่อเนื่อง

ส่วนความเสียหายต่ออุปกรณ์ ประเมินมุลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังไม่รวมการหยุดชะงักของธุรกิจในช่วง 3-5 เดือนที่ปิดซ่อม และระยะเวลาที่รอสั่งอุปกรณ์ใหม่เข้ามา แต่บริษัทได้ทำประกันความเสียหายครอบคลุมความเสียหายทกอย่างกับบมจ.ทิพยประกันภัยไว้แล้ว ขณะที่ ผลกระทบที่จะเกิดตัวผลประกอบการทั้งรายได้และกำไร คาดว่าจะสรุปได้ในวันจันทร์หน้า (19 ส.ค.56)

"ความเสียหายเรากำลังประเมินอยู่ เย็นนี้จะการพูดคุย conference กับโบรกเกอร์ และวันจันทร์จะได้คำตอบ...ผลกระทบที่เกิดในกลุ่มปตท. คือ PTT และ PTTGC ที่ต้องใช้วัตถุดิบจากโรงแยกก๊าซ "นายสรงค์ กล่าว

แต่อย่างไรก็ตาม ปตท.ยังยืนยันศักยภาพในการจัดหาก๊าซ LPG เพื่อใช้ในประเทศ ปัจจุบันโรงแยกก๊าซที่เหลืออยู่ยังคงได้ผลิตเต็มที่ และกลุ่มโรงกลั่นทั้งหมดจัดหาได้ 8 หมื่นตัน/เดือน ในส่วน ปตท.กำลังพิจารณาเพิ่มการนำเข้าก๊าซ LPG จากปกตินำเข้าราว 1.5 แสนตัน/เดือน โดยได้เตรียมพร้อมเงินฉุกเฉินสำรองไว้แล้ว

ดังนั้น ยืนยันได้ว่าในช่วง 3-5 เดือนนี้จะไม่ขาดแคลนก๊าซ LPG โดยจะให้ความสำคัญการจัดหาเชื้อเพลิงทั้งในภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง

"ปตท.จะทำสุดความสามารถเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ทางเลือกหรือภาคบังคับแต่ ปตท.ต้องทำเพราะพื้นฐานเกิดมาเพื่อประเทศชาติ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน PTT กล่าว

ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมัน นายสุรงค์ กล่าวว่า ช่วงนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้นมาที่ 107 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 3-4 เหรียญฯ จากปัญหาความไม่สงบในอียิปต์ แม้จะไม่ใช้ผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก แต่มีโอกาสที่เหตุการณ์จะลุกลามออกไป และคาดว่าเหตุการณ์คงยังไม่จบอย่างง่ายดาย ถึงแม้จะไม่มีผลกระทบมาก แต่มีผลต่อจิตวิทยา เพราะในช่วงครึ่งปีหลังในยุโรปและสหรัฐจะเข้าสู่ฤดูหนาวที่มีความต้องการเชื้อเพลิงมากขึ้น จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ส่วนการลงทุนของปตท.ในปีนี้ ได้มีการปรับลดวงเงินลงทุนไปแล้วจาก 9.88 หมื่นล้านบาท เหลือ 5.26 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการที่ยังไม่ committed เลื่อนแผนไปก่อน ขึ้นอยู่กับตลาด เช่น ธุรกิจถ่านหิน เป็นต้น

ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้มองว่าภาพยรวมเติบโต 4-4.5% โดยภาคพลังงานก็ยังเติบโตอยู่แม้ครึ่งปีหล้งไม่สดใสเหมือนครึ่งปีแรก แต่คาดว่าผลประกอบการจะยังอยู่ในกรอบที่ตั้งไว้เพราะธุรกิจต้นน้ำทั้งปริมาณและราคาดีขึ้น เนื่องจากในครึ่งปีแรกมีส่วนต่างปิโตรเคมีสูงขึ้นมาก และคาดว่าธุรกิจปิโตรเคมียังดีต่อเนื่องแม้จะมีปัญหาน้ำม้นรั่ว และเหตุฟ้าผ่าทำให้โรงแยกก๊าซหยุดซ่อม ส่วนธุรกิจโรงกลั่นขณะนี้ทรงตัว โดยได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาที่รับผลกระทบจากราคาที่เกิด stock loss และรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ดี ผลประกอบการโดยรวมของปตท.ในปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย แต่ยังไม่เห็นสัญญาณลดอย่างมีนัยสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ