สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB21DA และ LB145B (รุ่นอายุ 3.8 ปี, 8.3 ปี และ 0.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,533 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI13OA) มูลค่า 747.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT155A) มูลค่า 203.6 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (TK167A)มูลค่า 140.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,091.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58.7% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 18,878 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 16,613 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 615 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.47% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.55% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่ๆ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลเกี่ยวกับ Fed อาจจะชะลอมาตรการ QE ภายหลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ทยอยประกาศออกมา โดยเฉพาะตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน แสดงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 615 ล้านบาท