EUREKA เจรจาออร์เดอร์ใหม่ 70ลบ.คาดได้งาน 50%,ตั้งโฮลดิ้งรองรับขยายตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 19, 2013 12:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนรากร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูเรกา ดีไซน์(EUREKA) เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ในไตรมาส 3/56 และผลประกอบการในครึ่งปีหลังน่าจะดีต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯมีจำนวนคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ บริษัทฯกำลังอยู่ระหว่างเจรจาออเดอร์ใหม่จากค่ายรถยนต์นิสสัน มูลค่างานประมาณ 30 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทราบผลภายในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งบริษัทฯคาดหวังว่าน่าจะได้รับงานประมาณ 50% ของมูลค่างานดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีการเจรจาออเดอร์จากค่ายรถยนต์ Denso มูลค่างานประมาณ 40 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทราบผลภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งบริษัทฯคาดหวังว่าน่าจะได้รับงานประมาณ 50% ของมูลค่างานดังกล่าว รวมถึงลูกค้ารายอื่นๆ ที่มีการติดต่อเข้ามาอีกหลายราย ดังนั้นจึงมั่นใจว่ารายได้ในปี 56 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% หรือแตะ 400 ล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด EUREKA มีกำหนดจัดตั้งบริษัทย่อย 4 แห่ง คือ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็น holding company ที่ประเทศสิงคโปร์ ภายในปี 56 นี้, บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ อินโดนีเซีย กำหนดภายในเดือนเมษายน 57, บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ อินเดีย จำกัด กำหนดภายในเดือนกรกฎาคม 57 และ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ เวียดนาม จำกัด กำหนดภายในเดือน ตุลาคม 57

สาเหตุที่บริษัทฯขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เพื่อเป็นการขยายฐานรายได้และที่สำคัญเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจด้วย ซึ่งคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปี 58 จะเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 12-15%

“สาเหตุที่เราเลือกตั้ง Holding Company ที่สิงคโปร์ เพราะสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี ซึ่งปัจจุบันทีมที่ปรึกษากำลังอยู่ระหว่างศึกษากฏหมายต่างๆ โดยบริษัทดังกล่าวจะเข้ามาดูแลบริษัทฯที่ทำธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่ง EUREKA มีแผนจัดตั้งสาขาที่อินโดนีเซีย,อินเดียและเวียดนามในปีหน้า โดยอินโดนีเซียจะเป็นประเทศแรกที่เราจะเข้าไปดำเนินการจัดตั้ง" นายนรากร กล่าว

ล่าสุดผลประกอบการในไตรมาส 2/56 มีรายได้รวมอยู่ที่ 94.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 36.7 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 69.4 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.86 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 573 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.72 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ