ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 นายแฮนส์ขายหุ้น LVT ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุตรสาวที่ตนเองเป็นผู้รับมอบอำนาจในการสั่งซื้อขายจำนวน 3,450,000 หุ้น ซึ่งนายแฮนส์เคยมีฐานะเป็นที่ปรึกษาของบริษัทได้ทราบถึงข้อมูลด้านโครงการที่ก่อให้เกิดรายได้ และเมื่อดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการก็ได้ล่วงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานด้านลบ ซึ่งต่อมาบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิในไตรมาสที่ 1/53 จำนวน 37.65 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 47.09 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 179.95 ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญกับผลประกอบการของบริษัทตลอดช่วง 3 ปีก่อนหน้า (ระหว่างปี 50-52) ที่บริษัทมีผลกำไรติดต่อกันทุกไตรมาส อันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้น LVT
การกระทำของนายแฮนส์ในการขายหลักทรัพย์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นการใช้ข้อมูลภายในในประการที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบต่อบุคคลภายนอกโดยที่ข้อมูลดังกล่าวยังมิได้เปิดเผยต่อประชาชน เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายแฮนส์ได้แสดงความจำนงเข้ารับการพิจารณาเปรียบเทียบความผิดจากคณะกรรมการเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ แต่ต่อมาไม่ยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบ ทำให้คดีอาญายังไม่ยุติ ก.ล.ต. จึงต้องกล่าวโทษนายแฮนส์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การถูกกล่าวโทษมีผลให้นายแฮนส์เข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี โดยในส่วนทางคดีอาญานั้น นายแฮนส์มีสิทธิตามกระบวนการยุติธรรมในการชี้แจงและแสดงหลักฐานในลำดับต่อไปได้
นางสุพรรณ โปษยานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์เกิดแล้วและยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชน หรือเรียกว่า “ข้อมูลภายใน" ผู้ที่ล่วงรู้และเกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าวโดยตำแหน่งหรือหน้าที่ ต้องงดเว้นไม่ทำการซื้อหรือขาย บอกต่อหรือชักชวนให้คนอื่นซื้อหรือขาย ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น จนกว่าข้อมูลจะเปิดเผยต่อสาธารณชน เพราะการใช้ข้อมูลภายในถือเป็นการเอาเปรียบผู้ลงทุนทั่วไป เป็นความผิดตามกฎหมายหลักทรัพย์"