ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 319,083 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 19, 2013 17:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (13 - 16 สิงหาคม 2556) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 319,083 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 79,771 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 17% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 80% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 256,793 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 51,122 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 4,376 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB176A (อายุ 3.8 ปี) LB21DA (อายุ 8.3 ปี) และ LB155A (อายุ 1.8 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 13,191 ล้านบาท 10,000 ล้านบาท และ 9,574 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB13903A (อายุ 14 วัน) CB13912C (อายุ 28 วัน) และ CB13N14B (อายุ 90 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 41,458 ล้านบาท 33,407 ล้านบาท และ 26,046 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รุ่น THAI13OA (A+) มูลค่าการซื้อขาย 871 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) รุ่น CPN171A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 304 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) รุ่น SCC144A (A) มูลค่าการซื้อขาย 303 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ในช่วงประมาณ +1 ถึง +3 Basis Point (100 Basis Point มีค่าเท่ากับ 1%) โดยตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมายังคงเคลื่อนไหวผันผวนตามทิศทางการไหลเข้า-ออกของกระแสเงินทุนต่างชาติ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาวของไทยอย่างต่อเนื่อง แต่คิดเป็นแรงขายในปริมาณที่ลดลงกว่าในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่การประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 10 และ 25 ปีในช่วงกลางสัปดาห์ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนและมีแรงซื้อเข้ามาค่อนข้างมาก บวกกับในช่วงระยะหลังนักลงทุนในตลาดเริ่มมีการคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1 วัน) ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ที่จะมีขึ้นในวันพุธที่ 21 ส.ค. นี้ ตามทิศทางของเงินเฟ้อในประเทศที่ค่อนข้างต่ำ และภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงชะลอตัว ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ช่วยทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทย (Yield) ไม่ขยับตัวขึ้นสูงมากนัก แม้ว่าจะมีแรงขายและเกิดการไหลออกของเงินทุนต่างชาติจากตลาดตราสารหนี้ไทย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงต่อไปอย่างใกล้ชิด ทั้งการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2 ในวันที่ 19 ส.ค. การประชุมของ กนง. ในวันที่ 21 ส.ค. รวมไปถึงการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับ พรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ในช่วงวันที่ 21 — 22 ส.ค. ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยทั้งสิ้น

ในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติมียอด ขายสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท (ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) รวมกัน 1,024 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 2,178 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) 1,154 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อยมียอดซื้อสุทธิ 408 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ