นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีการเปิดสาขาใหม่อีก 5-6 สาขา โดย 5 สาขาที่จะเปิด ได้แก่ พุทธมณฑลสาย 5, สระบุรี ,เพชรบูรณ์, ชัยภูมิ ,เชียงราย และอีก 1 สาขาบริษัทได้ศึกษาเปิดสาขาในภาคเหนือซึ่งยังไม่สรุป จะทำให้สิ้นปีนี้มีทั้งหมด 64 สาขาจากปัจจุบันมี 58 สาขา ซึ่งการเปิดสาขาได้ถึง 64 สาขา เกินแผนที่ตั้งไว้ (ไม่นับรวมสาขาเมกาโฮม)
และในปีต่อๆ ไป บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ปีละ 8-10 สาขา และจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มหรือลดจำนวนสาขา ขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจและกำลังซื้อ รวมถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนต่อสาขา พื้นที่ 5-6 พันตร.ม.จำนวน 350 -500 ล้านบาท โดยจะเน้นไปที่ต่างจังหวัด
ส่วนการเปิดสาขาในต่างประเทศ คาดว่าจะเปิดสาขาแรกได้ที่มาเลเซียในครึ่งปีหลังของปี 57 และกำลังพิจารณาที่จะเปิดสาขาแห่งที่สองด้วย
นายณัฏฐ์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทไม่ได้กังวลเศรษฐกิจชะลอตัว โดยเชื่อว่าโฮมโปรฯเติบโตในทิศทางเดียวกับธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ โมเดิร์นเทรด นอกจากนี้ยังมีสินค้าเฮ้าแบนด์สัดส่วน 18% ของยอดขาย ทำให้มาร์จิ้นและกำไรดีขึ้น ซึงปีนี้คาดว่าจะควบคุมสต๊อกและกระจายสินค้าไปยังสาขาใหม่ได้ดี
"ครึ่งปีหลังตัวเลขยอดขายยังไปได้ เพียงแต่ในแง่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอาจชะลอ คนที่ประหยัดแต่จะไม่ใช่เรื่องบ้าน และกำลังซื้อของลูกค้าโฮมโปร มาจากบ้านเก่าถึง 80% ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงพื้น ผนัง และยังได้อานิสงส์จากบูกค้าบ้านใหม่"นายณัฏฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ โฮมโปรฯ มีลูกค้าหลักเป็นผู้ถือบัตรโฮมการ์ด ถึง 85% หรือมีจำนวนสมาชิกประมาณ 1.6 ล้านคน ซึ่งพฤติกรรมมีการจับจ่ายใช้สอย 4-5 แสนคนต่อเดือน ขณะที่ลูกค้าของโฮมโปรฯ เป็นลูกค้าในต่างจังหวัด 51% อีก 49% เป็นลูกค้าในกรุงเทพและปริมณฑล
ส่วนกระแสข่าวที่กลุ่ม บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์จะขายหุ้น HMPRO นั้น นายณัฏฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้ถือหุ้นใหญ่และนโบบายของบริษัท ในฐานะตนเป็นผู้บริหารจะเน้นการบริหารให้ดีที่สุด แต่มองว่าที่มีผู้สนใจเข้ามาซื้อหุ้น HMPRO เนื่องจากเป็นผู้นำโฮมเซ็นเตอร์ ซึ่งมีการเติบโตทุกปี มีแผนขยายสาขาต่อปี รวมรูปแบบการให้บริการ ที่ทำให้โฮมโปรเป็นที่สนใจกับต่างประเทศ ประกอบกับ HMPRO ได้ออกไปโรดโชว์ในต่างประเทศทำให้เป็นที่รู้จักกับนักลงทุนต่างประเทศ