สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB145B, LB176A และ LB196A (รุ่นอายุ 0.8 ปี, 3.8 ปี และ 5.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,911 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL174B) มูลค่า 310.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK142A) มูลค่า 197.9 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI16DA) มูลค่า 111.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 619.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 22,879 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,402 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -6,415 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.47% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.53% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร ปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพันธบัตร ธปท.ที่ประมูลวันนี้ โดยนักลงทุนรอติดตามผลการประชุม กนง.วันพรุ่งนี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างไร และติดตามรายงานการประชุม Fed ที่จะเผยแพร่ในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งตลาดยังคงกังวลว่าจะมีการลดขนาด QE ลงในเดือนกันยายนหรือไม่ สำหรับนักลงทุน