อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยได้เริ่มเจรจากับพันธมิตรเวียดนามเพื่อร่วมกันเปิดศูนย์การค้า และอยู่ระหว่างหาที่ดินในพม่าเพื่อลงทุนเปิดศูนย์การค้าด้วยตัวเอง นอกจากนั้น ยังมีการเจรจาเข้าซื้อกิจการ(M&A)กิจการทั้งในประเทศและในประเทศสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) 1-2 โครงการ คาดว่าจะมีข้อสรุปในช่วงปี 57-59
บริษัทเตรียมเข้าประมูลพัฒนาที่ดินโรงเรียนเตรียมทหารเก่า โดยจะยื่นข้อเสนอในวันที่ 30 ส.ค.นี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยโครงการที่วางไว้สำหรับพื้นที่ดังกล่าวได้ และยังมีแผนออกหุ้นกู้วงเงินราว 4-5 พันล้านบาทในปี 57 รวมทั้งศึกษาการขายพื้นที่สำนักงานในเช่าในศูนย์การค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะและเซ็นทรัลพระราม 9 เข้าเป็นสินทรัพย์ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า
ส่วนผลประกอบการในปีนี้คาดว่าจะมีกำไรมากกว่าปีก่อน โดยบริษัทจะทยอยปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าราว 7% ภายในปีนี้
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง CPN เปิดเผยว่า โครงการศูนย์การค้าในมาเลเซียคงต้องเลื่อนเปิดไปเป็นช่วงปลายปี 59 จากเดิมที่จะเปิดในปี 58 เนื่องจากเกิความล่าช้าในกระบวนการเซ็นสัญญากับพันธมิตรที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 19 ก.ค.56 โดย CPN มีสัดส่วนการลงทุน 60% ส่วนอีก 40% เป็นของพันธมิตรมาเลเซีย
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการศูนย์การค้าในประเทศมาเลเซียแห่งที่ 2 ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรอีกราย
ส่วนการลงทุนด้านศูนย์การค้าในเวียดนามบริษัทก็ได้มีการเจรจากับพันธมิตรที่เป็นศูนย์การค้า เพื่อร่วมทุนในการพัฒนาศูนย์การค้าในประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ในช่วงการเจรจาเบื้องต้น
สำหรับการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียอยู่ระหว่างการศึกษาเงื่อนไขและข้อเสนอกับพันธมิตร ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้ามาก และบริษัทมีแผนจะเข้าไปพัฒนาศูนย์การค้าแห่งใหม่ในประเทศพม่า โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการหาที่ดิน 1 แปลง ซึ่งบริษัทจะเข้าไปลงทุนเองทั้งหมด “บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับการพัฒนาโครงการและการทำ M&A ในปี 57-59 อยู่ที่ 1.2-1.4 หมื่นล้านบาท โดยในปี 58-59 จะมีการเปิดโครงการในต่างประเทศประมาณปีละ 1 โครงการ โดยปี 59 ก็มีที่มาเลเซีย 1 แห่งแล้ว และบริษัทก็มองว่าในปี 57-59 จะมีดีล M&A ที่บริษัทเข้าไปซื้อศูนย์การค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งอยู่ใน AEC 1-2 โครงการ"นายนริศ กล่าว
นายนริศ กล่าวถึงการประมูลพัฒนาพื้นที่บริเวณโรงเรียนเตรียมทหารเก่า ฝั่งตรงข้ามสวนลุมพินี (สวนลุมไนท์บาร์ซาเดิม)ว่า ในวันที่ 30 ส.ค. 56 บริษัทจะยื่นประมูลกับสำนักงานทรัพย์สินฯ ซึ่งรายละเอียดของรูปแบบและมูลค่าโครงการที่บริษัทจะพัฒนายังไม่สามารถเปิดเผยได้ และการทราบผลการประมูลจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการนำพื้นที่สำหนักงานให้เช่าของเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เซ็นทรัลพระราม 9 และเซ็นทรัลบางนา ขายเข้ากองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG) ภายในปี 57 และจะนำเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ขายเข้ากองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) ในช่วงไตรมาส 4/56 ถึงครึ่งแรกของปี 57 มูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท
“ตอนนี้ก็มีศึกษาการขายพื้นที่สำหนักให้เช่าของเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ พระราม 9 และบางนาอีกนิดนึง เข้ากองทุนอสังหาฯ แต่ถ้าขายคงเป็นช่วงปีหน้าแต่ตอนนี้ยังไม่คอนเฟิร์ม เนื่องจากโครงการสำนักงานยังมีโอกาส upside ได้อีกมาก โดยเฉพาะที่แจ้งวัฒนะ ก็ตอนนี้มีคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ ส่วนเซ็นทรัลเชียงใหม่ก็คงจะขายเข้ากองทุนอสังหาฯในประมาณไตรมาส 4/56 ไม่ก็ครึ่งปีแรกปี 57 มูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท การขายเราก็ขอดูภาวะตลาดก่อน"นายนริศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะมีการชะลอตัวลงบริษัทก็ยังมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.02 หมื่นล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงานจะมากกว่าปี 55 เนื่องจากจำนวนลูกค้าที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในศูนย์การค้าในเครือยังไม่มีแนวโน้มลดลง และในปีนี้บริษัทมีการปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น 7%
“ภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่มีการชะลอตัวนั้นก็ยังไม่กระทบกับเรา เท่าที่ดูจำนวนคนและรถที่เข้ามาในศูนย์การค้าก็ยังปกติอยู่ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ แต่ถ้าลูกค้าที่รายได้ไม่มากก็มีผลเรื่องการลดกับจับจ่ายใช้สอยลงบ้าง ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นวิกฤติ เพราะว่าเศรษฐกิจชะลอ แต่ก็ยังมีอัตราการเติบโตอยู่บ้าง แนวโน้มของการเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าและการจับจ่ายของลูกค้าก็ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมาก ถ้ากระทบจริงๆคงเป็นศูนย์การค้าในจังหวัดเล็กๆ แต่ที่พัทยาและเซ็นทรัลเวิลด์ก็ยังมีการเติบโตที่ดีอยู่ ส่วนแผนงานการขยายโครงการของบริษัทก็ยังเป็นไปตามปกติ ไม่ได้มีการชะลอแต่อย่างใดแม้สภาพเศรษฐกิจจะชะลอตัว"นายนริศ กล่าว