บริษัทมีแผนลงทุน 5 ปี(56-60)ที่จะเพิ่มจำนวนโรงแรมทั้งที่ลงทุนสร้างเอง และรับบริหารงานเพิ่มอีก 90 แห่ง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนปีละ 1-2 พันล้านบาท และบริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้วงเงินราว 1-1.2 พันล้านบาท อายุ 3-5 ปี เพื่อเสนอขายในเดือน ก.ย.นี้
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินและบริหาร CENTEL เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลประกอบการทั้งปี 56 มั่นใจมีรายได้อยู่ที่ 17,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่มีรายได้ 14,800 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีรายได้อยู่ที่ 8,600 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนธุรกิจอาหารคาดรายได้ทั้งปีเติบโต 15% จากครึ่งปีแรกเติบโต 13.1% เนื่องจากมองว่ากำลังซื้อจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากการคืนภาษีสรรพสามิตโครงการรถยนตร์คันแรก และภาครัฐน่าจะมีมาตรการเข้ามากระตุ้นกำลังซื้อ ประกอบกับ เชื่อรัฐบาลจะพยายามผลักดันโครงการลงทุนต่างๆของภาครัฐ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อการบริโภคในประเทศอย่างมาก
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาร้านอาหารเพิ่มจากปัจจุบันอยู่ที่ 704 สาขา โดยจะทำให้ได้ 753 สาขาภายในสิ้นปี แต่ลดลงจากเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ 757 สาขา เนื่องจากประเมินแล้วว่าพื้นที่บางส่วนอาจจะไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีมากนัก
"ภาพรวมธุรกิจโรงแรมน่าจะเติบโต 7-8% ของ GDP ได้หากไม่มีเหตุการณ์อะไรเข้ามากระทบเช่นกัน ดังนั้นผลประกอบการของ CENTEL น่าจะทำลายสถิติได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงกังวลต่อปัจจัยทางการเมืองเป็นอันดับแรก รองลงมาคือปัจจัยจากต่างประเทศโดยเฉพาะจีน ที่เน้นการเจริญเติบโตภายในประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งจะกระทบต่อภาคส่งออกไทย"นายรณชิต กล่าว
บริษัทตั้งเป้าหมายในแผน 5 ปี (56-60) จะเปิดโรงแรมเพิ่มทั้งแบบการเข้าไปบริหารและเป็นเจ้าของ ซึ่งสัดส่วนการเข้าไปบริหารจะมากกว่า 50% จะมีโรงแรมเพิ่ม 90 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศ 30 แห่ง ต่างประเทศ 60 แห่ง จากปัจจุบันมีโรงแรมในประเทศอยู่ 35 แห่ง และต่างประเทศมีอยู่ 10 แห่ง โดยวางงบการลงทุนราว 1,000-1,200 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาในการเข้าไปซื้อกิจการโรงแรมในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศล และญี่ปุ่น โดยขณะนี้ได้มีการเจรจากับโรง แรมในญี่ปุ่น 2 ราย แต่อาจจะเลือกเพียงรายเดียว คาดว่าจะสามารถสรุปผลการเจรจาได้ภายในปีหน้า
ขณะที่ บริษัทฯมีแผนการออกหุ้นกู้ในช่วงเดือนก.ย.นี้ มูลค่าประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาท จำนวน 2 ล็อต อายุหุ้นกู้ 3-5 ปี
ด้านการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT)นายรณชิต กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษากฎหมายบางข้อเกี่ยวกับเรื่องของภาษี คาดว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)อาจจะประกาศในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ และคาดว่าบริษัทจะยื่นไฟลิ่งจัดตั้งกอง REIT อย่างเร็วที่สุดได้ในช่วงไตรมาส 1/57