แม้ว่าแนวโน้มครึ่งปีหลัง บริษัทจะเผชิญความเสี่ยงแนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัวลง แต่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ โดยจะมีการตั้งตัวแทนขายเพิ่มขึ้น เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าหันมาเช่าซื้อสินค้าแทนการซื้อเงินสด
ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมเจรจาตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศพม่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เพื่อขยายฐานในอาเซียนเพิ่มขึ้น และตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 3-5% ภายในสิ้น ปีนี้ จากปัจจุบันมีสัดส่วนไม่ถึง 1%
นายบุญยง กล่าวว่า บริษัทมีแผนเปิดสาขาเพิ่มทั่วประเทศ จำนวนอีก 10 สาขา จาก 212 สาขา โดยเฉลี่ยค่าเช่า 4 แสนบาทต่อสาขา มูลค่าเงินลงทุนรวม 40 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกเปิดไปแล้วจำนวน 5 สาขา
บริษัทยังตั้งเป้าที่จะดูแลสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ไม่ให้เกิน 5% จากปัจจุบัน NPL อยู่ที่ 4.3-4.4% โดยอยู่ในระดับดังกล่าวมา 4 ปีแล้วหลังจากมีการปรับระบบให้พนักงานขายส่งข้อมูลเข้ามาในบริษัท จากเดิมที่ให้พนักงานพิจารณาให้สิ้นเชื่อได้เลย เพื่อชะลอไม่ให้มีหนี้เสียมาก และยังยืนยันว่าค่างวดเฉลี่ยต่อเดือนจากสินค้าครัวเรือนจะอยู่ที่ 800 บาทและสินค้าเชิงพาณิชย์อยู่ที่ 2,000 บาท ซึ่งยังไม่สูงมาก
"มองภาพทั้งปีไม่น่าห่วง กำไรครึ่งปีแรกก็เท่ากับกำไรทั้งปีแล้ว มองว่าปีนี้เป็นปี่ที่ดีที่สุดของ SINGER โดยรายได้จะเติบโตเฉลี่ย 20-25% แม้ไตรมาส 3 จะมีสภาวะอากาศแปรปรวน แต่ในเดือน ก.ค.-ส.ค. ตัวเลขยอดขายที่ออกมาดีกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อน และบริษัทมีการปรับกลยุทธมีการดำเนินโครงการแต่งตั้งผู้ช่วยตัวแทนจำหน่ายจำนวน 180,000 ราย ซึ่งเบื้องต้นมีผู้เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 90,000 ราย" นายบุญยง กล่าว