ปัจจุบัน บริษัทเช่าโครงข่ายทางไกลจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ซึ่งมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ราคา ซึ่งหากต้องการควบคุมต้นทุนในระยะยาวก็ควรจะต้องมีโครงข่ายของตัวเอง เพื่อให้สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยที่ต้นทุนไม่เพิ่มขึ้น เพราะหากยังเป็นการเช่าก็จะมีค่าเช่าเติบโตขึ้นตามรายได้ ส่งผลให้กำไรไม่ดีเท่าที่ควร แต่ที่ผ่านมาต้องใช้วิธีเช่าเพื่อรีบเปิดให้บริการลูกค้ารายแรกคือ บมจ.ซีทีเอช(CTH) และใช้โครงข่ายนี้ให้บริการวงจรระหว่างประเทศไปด้วย
"ตอนนี้กระแสตอบรับ 3G ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การใช้งานวงจรระหว่างประเทศโตขึ้นเร็วจึงปรับแผนการลงทุน และมีลูกค้าเทเลคอมในลาวต้องการต่อโครงข่ายไปที่สิงคโปร์ผ่านไทยเราก็ให้บริการด้วยซึ่งโครงข่ายที่ลงทุนรองรับทั้งความต้องการในประเทศและเพื่อนบ้าน จะเร่งทำให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้"นายกรัณย์พล กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าในด้านรายได้ในปี 56 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 819 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกทำรายได้แล้ว 462 ล้านบาท และในปี 57 รายได้น่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หลังให้บริการลูกค้าได้เพิ่ม ขณะที่กำไรสุทธิจะฟื้นตัวขึ้น และจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต ตามการเติบโตของบริการ 3G อินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ และทีวีดิจิตอลที่ต้องเชื่อมต่อสถานีท้องถิ่น ซึ่งบริษัทได้สร้างโครงข่ายเคเบิลใยแก้วครอบคลุมทั้งหมด 34 จังหวัด จากปัจจุบันให้บริการ 22 จังหวัด
"ปีนี้รายได้โตต่อเนื่องแต่มีค่าใช้จ่าย ที่ตอนนี้มีการเช่าเพิ่มในช่วงที่โครงข่ายยังไม่เสร็จ และอาจมีค่าเสื่อมเพิ่มที่ต้องสร้างขนานกันไป แต่ทั้งค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าเสื่อมที่เกิดปีนี้เป็นการลงทุนเพื่อรองรับอนาคต จนกระทั่งกลางปีหน้า(57)ที่เราเช่ากับคนอื่นสัญญาส่วนใหญ่ก็จะยุติลง ค่าเช่าจะลดลง ก็จะมีแต่ค่าเสื่อมของเรา หลังจากนั้นเราก็จะเพิ่มรายได้ ค่าเสื่อมก็จะไม่เพิ่ม ปี 57 กำไรก็จะฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อยๆ"นายกรัณย์พล กล่าว
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลัง บริษัทไม่ได้มีความกังวลต่อภาพรวมภาวะเศรษฐกิจมากนัก แต่จะเน้นการเร่งสร้างโครงข่ายเพื่อขยายพื้นที่บริการกว้างขึ้นให้ทันกับความต้องการลูกค้า เพราะลูกค้าหลักมาจากผู้ประกอบการรายใหญ่ ทั้งผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ และเพย์ทีวีที่ขยายตัวเร็วมาก เป็นการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานกับลูกค้า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ใช้อินเตอร์เน็ต ยังไม่ได้รับผลกระทบชัดเจน
"ปีนี้กำไรอาจลดลง เพราะขยายการลงทุน ขยายตัวค่อนข้างก้าวกระโดดเพราะเป็นระยะทางไกล แต่ก็ยังจ่ายปันผล"นายกรัณย์พล กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 57 งบลงทุนน่าจะลดลง หากเป็นการดำเนินธุรกิจภายใต้การบริการในปัจจุบันไม่มีได้บริการใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม ซึ่งบริษัทจะใช้เงินลงทุนจากผลดำเนินงานและเงินกู้ เนื่องจากสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) ยังต่ำกว่า 0.5 เท่า ขณะที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ปีนี้จะยังเช่าโครงข่ายให้บริการอยู่ และเชื่อว่ากระแสเงินสดจะดีขึ้นในปีหน้า