(เพิ่มเติม) CSS เคาะราคา IPO ที่ 3.00 บาท/หุ้น เสนอขาย 26-28 ส.ค.,เข้าเทรด 3 ก.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 22, 2013 17:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น(CSS)กำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป(IPO)ครั้งแรก 200 ล้านหุ้น ที่ราคา 3.00 บาท/หุ้น โดยจะเสนอขายในช่วงวัที่ 26-28 ส.ค.นี้ และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในวันที่ 3 ก.ย.56

ในวันนี้ CSS ได้แต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน รวมทั้งผู้ร่วมจัดจำหน่าย 8 แห่ง ประกอบด้วย บล.ฟินันเซีย ไซรัส แกนนำในการผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย, บล.คันทรี่ กรุ๊ป, บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ,บล. ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย), บล.ไทยพาณิชย์, บล. โนมูระ พัฒนสิน, บล.เอเซีย พลัส และบล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย)

อนึ่ง CSS ดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายและการให้บริการติดตั้ง สายไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ระบบงานไฟฟ้า รวมถึงวัสดุและอุปกรณ์ป้องกันไฟลามจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก และดำเนินธุรกิจให้บริการติดตั้ง บริการออกแบบ จัดหา และติดตั้งระบบโทรคมนาคมและระบบป้องกันไฟลาม รวมทั้งให้บริการงานด้านบำรุงรักษาระบบโทรคมนาคม

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CSS เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO แบ่งเป็นการเสนอขายให้แก่ประชาชนจำนวน 190 ล้านหุ้น และเสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 10 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 3 บาท ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยมีส่วนลดให้กับนักลงทุนสูงถึง 49.80% เมื่อเปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของหมวดพาณิชย์และบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจที่ใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจของบริษัท ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งอยู่ที่ 26.65 เท่า

“ที่ผ่านมาเราได้เดินทางไปโรดโชว์ 4 จังหวัด ประกอบด้วย หาดใหญ่ ขอนแก่น กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ซึ่งนักลงทุนให้การตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากธุรกิจของ CSS มีความแข็งแกร่งและศักยภาพการเติบที่โดดเด่นอย่างมาก สำหรับการกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอของ CSS ในครั้งนี้ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโตจากธุรกิจการให้บริการติดตั้งระบบโทรคมนาคมที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายโครงข่ายบริการ 3G ของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยมีส่วนลดให้กับนักลงทุนถึง 49.80% ดังนั้น ผมจึงเชื่อมั่นว่าหุ้น CSS จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างเป็นอย่างมาก และจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนด้วย" นายสมภพ กล่าว

นายสมพงษ์ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CSS เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ลงทุนในการก่อสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงานแห่งใหม่และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งและมีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต เนื่องจากปริมาณความต้องการของลูกค้ายังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวทั้งภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโทรคมนาคมภายในประเทศ ดังนั้น มั่นใจว่าในอนาคต CSS จะสามารถขยายตัวต่อไปได้อีกมากจากเงินทุนหมุนเวียนที่มีมากขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

“นอกเหนือจากพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทแล้ว เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกทางหนึ่ง กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจึงยินดีที่จะไม่นำหุ้นในส่วนที่ไม่ติด Silent Period มาขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นระยะเวลา 3 เดือน ดังนั้น นักลงทุนจึงมั่นใจได้ว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจะไม่นำหุ้นของบริษัทออกขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันแรกที่หุ้นเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อย่างแน่นอน"นายสมพงษ์ กล่าว

ด้าน นางสาวปิ่นมณี เมฆมัณฑนา กรรมการผู้จัดการบริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ CSS กล่าวว่า ราคา 3 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจาก CSS มีจุดแข็งตรงที่มีความโดดเด่นในอุตสาหกรรม ประกอบกับมีปัจจัย พื้นฐานแข็งแกร่ง และมีผลประกอบการเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดีมาโดยตลอดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมากว่า 20 ปี จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานของบริษัท สามารถฝ่าฟันวิกฤติต่างๆ จนกระทั่งยืนหยัดได้อย่างแข็ง แกร่งเช่นทุกวันนี้ จึงทำให้มั่นใจว่าหุ้นไอพีโอของ CSS จะได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุน

ปัจจุบัน CSS มีทุนจดทะเบียน 350 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญจำนวน 700 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 250 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ