นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะสามารถกลับมารีบาวน์ได้ตามดัชนีตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากมีการปรับตัวลดลงมาหลายวันติดต่อกัน โดยวันนี้จะเป็นการรีบาวด์ขึ้นมาได้ตามสัญญาณทางเทคนิค อย่างไรก็ตามวันนี้ต้องมีการติดตามการไหลเข้าออกของเงิน จากต่างชาติ ซึ่งวันนี้ค่าเงินบาทก็กลับมาแข็งค่าขึ้น ก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในวันนี้ ที่อาจจะมีเงินทุนจากต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้ามา
ทั้งนี้ มองปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังดีอยู่ ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 3-4 บริษัทจดทะเบียนจะมีผลประกอบการออกมาดีกว่าช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
ตลาดภูมิภาคเช้านี้สามารถปรับตัวขึ้นไปอยู่ในแดนบวกได้ทั้งหมด
พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,330 จุด และแนวต้าน 1,380 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(22 ส.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,963.74 จุด เพิ่มขึ้น 66.19 จุด(+0.44%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,656.96 จุด เพิ่มขึ้น 14.16 จุด(+0.86%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,638.71 จุด เพิ่มขึ้น 38.92 จุด(+1.08%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 218.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 111.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 49.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.46 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.60 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.70 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 2.40 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(22 ส.ค.) ที่ 1,351.81 จุด ลดลง 3.33 จุด(-0.25%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,591.83 ลบ. เมื่อ 22 ส.ค.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(22 ส.ค.)ที่ 105.03 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(22 ส.ค.)ที่ 3.53 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดวันนี้ 32.02/04 แข็งค่าตามภูมิภาค จากแรงขายดอลล์-เงินไหลเข้า
- "กิตติรัตน์"ส่งสัญญาณ ธปท.ใช้ทุนสำรองประคอง"ค่าบาท", สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ร่วงหนักทั่วโลกตั้งแต่จากไทยถึงบราซิล แข่งกันทำสถิติอ่อนค่า ผวาเฟดลดคิวอีเดือนก.ย.นี้ ผู้ว่าแบงก์ชาติบราซิลจับตาค่าเงิน ยกเลิกประชุมที่สหรัฐ ด้านเทรดเดอร์ เผยธปท.เข้าแทรกแซงเงินบาท หลังทำสถิติอ่อนค่ารอบ 3 ปี ขณะต่างชาติขายหุ้น-พันธบัตรตั้งแต่ต้นปีเฉียด 3 แสนล้านนักวิชาการเตือนซ้ำรอยวิกฤติเม็กซิโก
- ส.อ.ท.แนะผู้ส่งออกต้องซื้อประกันความเสี่ยงค่าบาท รับค่าเงินผันผวนหนัก ยอมรับบาทอ่อนไม่ได้ประโยชน์ เหตุกำลังซื้อตลาดต่างประเทศหดตัว หวั่นลูกค้าต่างชาติตั้งแง่กดราคาส่งออก "ซีพีเอฟ" รับดันภาระหนี้ระยะยาวเพิ่ม จี้รัฐดูแลเสถียรภาพค่าเงิน "นิวัฒน์ธำรง" ยันแบงก์ชาติดูแลค่าบาทอย่างอิสระ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ห่วงความเสี่ยงทางการค้าเกิดขึ้นเร็วและรุนแรง
- โบรกเกอร์ประเมินแรงขายต่างชาติยังเหลือ 15-20% ของเงินที่เข้ามาลงทุนตั้งแต่คลอดมาตรการคิวอีรวม 1.4 แสนล้านบาท ล่าสุดขายแล้ว 65% เชื่อดัชนีหุ้นไทยลดลงต่ำสุดไม่เกิน 1267 จุด แนะทยอยซื้อ ด้านตลาดหลักทรัพย์รายงานบริษัทจดทะเบียนปันผลแสนล้าน 3 ปีซ้อน พบ สื่อสาร พลังงานและก่อสร้าง จ่ายมากสุด
- สบน.ยอมรับหนี้สาธารณะสิ้นมิ.ย.เพิ่มขึ้น 4.7 หมื่นล้าน หรือเกินร้อยละ 44 สาเหตุชัดรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจตัวการสร้างหนี้
- นายตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ควรประมาทเพราะสถานการณ์โลกคล้ายกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเม็กซิโกจนนำไปสู่วิกฤตเมื่อปี 2537 ซึ่งตอนนั้นเศรษฐกิจของประเทศหลักอย่างสหรัฐฟื้นตัวขึ้น เงินทุนที่เคยไหลเข้าเม็กซิโกจำนวนมากก็เริ่มไหลออก จนนำไปสู่การปิดกิจการของสถาบันการเงินหลายแห่ง และหลังจากนั้นไม่นานเศรษฐกิจไทยก็เกิดปัญหาขึ้นในลักษณะที่คล้ายกันในปี 2540
- สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ในตลาดตราสารหนี้ (บอนด์) ของไทยขณะนี้มีการไหลออกของเงินทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1-21 ส.ค.ที่ผ่านมา มีนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิทั้งในระยะสั้นและระยะยาวรวม 1.9 หมื่นล้านบาทแบ่งเป็นพันธบัตรระยะสั้น 1.6 หมื่นล้านบาทและระยะยาว 2,500 ล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTT(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 390 บาท มองราคาหุ้น PTT ได้สะท้อนความกังวลต่อประเด็นการปิดโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 5 ไปมากแล้ว ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในช่วง 2H56 คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้จากปัจจัยบวกราคาจากน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นซึ่งจะเป็นบวกต่อราคาขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม PTT นอกจากนี้หากเทียบกับหุ้นที่เป็นผู้ประกอบการแบบ Integrated Oil ในภูมิภาคด้วยกัน PTT ยังเป็นหุ้นที่ Laggard ซื้อขายที่ PER ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม
- SIRI(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 4.80 บาท ประเมินจะได้เห็นการฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งของผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง โดยที่คาดว่าจะเห็นการรับรู้รายได้ใน 2H56 ราว 2.3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 65% ของประมาณการทั้งปี ขณะที่ยอดขายปัจจุบัน (ม.ค.-ส.ค.2556) ขยับขึ้นมาที่ระดับ 3.3 หมื่นล้านบาท หรือ 70% ของเป้ายอดขายทั้งปีที่บริษัทวางไว้แล้ว โดยที่ล่าสุดบริษัทยังคงมีงานในมืออีกราว 2 หมื่นล้านบาท และ 1.5 หมื่นล้านบาท รอที่จะรับรู้รายได้ต่อเนื่องในปี 2557 และ 2558 ด้วย ประเมินกำไรสุทธิในปี 2556 ไว้ที่ 3.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% YoY
- SINGER(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 31 บาท ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อกลยุทธ์การทำธุรกิจของบริษัทซึ่งต่างจากธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป เช่นมีบริการทำความสะอาดให้ร้านค้าตามหมู่บ้าน ผลิตสินค้าใหม่ๆที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่นตู้เติมน้ำมันหยอดเหรียญที่กลายเป็นสินค้าทำเงินอย่างดี ล่าสุดเป็นพันธมิตรกับ MAKRO โดยจะเริ่มวางขายเครื่องใช้ไฟฟ้า(แบรนด์ใหม่)ใน 4Q13 และผู้บริหารยังปรับเป้ารายได้เพิ่มจากเดิม 15% เป็น 25% สอดคล้องกับประมาณการที่ 26%
- BBL(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 252 บาท แนวโน้มปีนี้โตต่อเนื่องจากสินเชื่อยังโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ BBL มีสาขา 2 ใน 3 อยู่ตจว.และมีสาขาใน 14 ตปท.เอื้อต่อการขยายธุรกิจออกสู่หัวเมืองใหญ่และต่างประเทศรองรับ AEC กำไรสุทธิ 2Q56 ที่ 10,250 ล้านบาท โต 16%YoY และ14%QoQ กำไรครึ่งปีแรก 1.9 หมื่นล้านบาท โต 12%YoY ยคิดเป็น 50%ของประมาณการทั้งปีที่ 3.86 หมื่นล้านบาท ซึ่งโต 17%YoY ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 2 บาทต่อหุ้น XD 3 ก.ย. จ่าย 20 ก.ย.