โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ(BGH)แม้กำไรไตรมาส 2/56 อ่อนตัวลง ตามต้นทุนที่สูงขึ้นจากการเตรียมขยายโรงพยาบาลใหม่ๆ ส่วนทั้งปีกำไรสุทธิยังสูงกว่าปี 55 แต่การเติบโตอาจไม่แรงเท่าก่อนหน้านี้ เพราะเป็นปีที่ต้องลงทุนสูงมาก เนื่องจากตั้งเป้ามีโรงพยาบาลเปิดใหม่อีก 20 แห่ง เป็น 50 แห่งก่อนปี 58 ซึ่งอาจยังกดดันประสิทธิภาพกำไรอีก 1-2 ปี แต่ระยะยาวเติบโตดี
โบรกฯ คำแนะนำ มูลค่าเหมาะสม(บาท) ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 190.00 ฟิลลิป ทยอยซื้อ 175.00 บัวหลวง ซื้อ 170.00 ทิสโก้ ซื้อ 185.00 ธนชาต ซื้อ 215.00 เอเซีย พลัส ถือ 160.00
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า แม้ไตรมาส 2/56 กำไรของ BGH จะออกมาไม่ค่อยดี เพราะมีค่าใช้จ่ายเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร เนื่องจากจะมีโรงพยาบาลเปิดเพิ่มขึ้นอีก 20 แห่งเป็น 50 แห่งภายในปี 57 เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ทำให้ cost สูงขึ้นมา แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังกำไรน่าจะยังเติบโตได้ yoy แม้อาจจะเติบโตไม่แรงเท่าช่วงไตรมาส 1/56 ที่เติบโตดี และไตรมาส 2/56 หดตัวลง
อย่างไรก็ตาม หากมองระยะยาว หลังจากเปิดโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 57 กำไรอาจจะยังเติบโตไม่มากนัก เพราะโรงพยาบาลเปิดใหม่จะขาดทุนในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นการเติบโตจะค่อนข้างเร็ว โดยเฉพาะเมื่อผ่านจุดคุ้มทุนไปแล้ว
สำหรับประมาณการกำไรปกติปี 56 อยู่ที่ 6,871 ล้านบาท เติบโต 17.2% YoY หลังจากที่ได้ปรับลงไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ยังแนะ"ซื้อ"โดยให้เป็น Top Pick ของกลุ่ม
น.ส.รัศดา ทวีแสงสกุลไทย นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ของ BGH ปีนี้ลงเหลือเติบโต 12-13% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 15% เนื่องจาก cost เพิ่มตามการลงทุนสร้างโรงพยาบาลใหม่ทั้งที่ซื้อกิจการ การสร้างใหม่ การควบรวม หรือการซื้อที่ดินเตรียมไว้ ทั้งหมดนี้ยังจะต้องมีเรื่องการเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อาจกดดันประสิทธิภาพกำไรช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม ยังประมาณการกำไรสุทธิของ BGH ในปีนี้ที่ 6,577 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 7.07% เพียงแต่เดิมเคยทำได้สูงกว่านี้ แต่ก็ยังสามารถเห็นการเติบโต ส่วนปี 57 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้นเป็น 7,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.95%
ด้าน บล.ทิสโก้ ปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 185 บาท จาก 195 บาท หลังปรับประมาณการกำไรปี 56-58 ลง 3.5%, 5.9% และ 6.5% ตามลำดับ จากการเปิดโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 5 สาขาในปี 57 ทำให้ค่าใช้จ่ายเงินเดือนเพิ่มขึ้น(BGH ต้องมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น)รวมถึงค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งตามปกติแล้วโรงพยาบาลจะขาดทุนในช่วง 2 ปีแรก
ทั้งนี้ 5 โรงพยาบาลใหม่อยู่ในแผนการขยายโรงพยาบาล 20 แห่งภายในปี 58
นอกจากนี้ ได้เพิ่มสมมุติฐานการเปิดโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเป็น 10 แห่ง และคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 7 พันล้านบาท
ขณะที่ บล.บัวหลวง มองว่า กำไรของ BGH ในช่วงครึ่งแรกของปี 56 คิดเป็น 48% ของประมาณการทั้งปีของเรา (47% ของประมาณการตลาด) ซึ่งยังคงประมาณการไว้เท่าเดิม ทั้งนี้ ในระยะยาวยังมีอัพไซด์ของประมาณการกำไร ได้แก่ BGH จะรวมงบการเงินกับโรงพยาบาลรัตนเวชในเดือนพ.ย.(จำนวนเตียงผู้ป่วยใน 158 เตียง) ประการที่สอง การเข้าซื้อกิจการใหม่เพิ่มเติม โดยบริษัทตั้งใจที่จะเข้าซื้อโรงพยาบาลใหม่อีก 4 แห่งภายในช่วงกลางปี 57
เชื่อว่าราคาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อหุ้น BGH อยู่ที่ 140 บาท ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย PER กลุ่มการแพทย์ของโลก แม้ BGH ดูไม่น่าสนใจในระยะสั้น เนื่องจากคาดการณ์กำไรปรับตัวลดลง YoY ต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 56 แต่แผนการขยายธุรกิจของบริษัทและแนวโน้มการเติบโตจะส่งผลดีในระยะยาว (คาดการณ์อัตราการเติบโตรายได้เฉลี่ยสะสมต่อปีในช่วงปี 56-58 อยู่ที่ 16%) อย่างไรก็ตาม การประกาศเข้าซื้อกิจการใหม่จะช่วยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นได้