สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB145B, LB196A และ LB21DA (รุ่นอายุ 0.8 ปี, 5.8 ปี และ 8.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,100 ล้านบาท หรือคิดเป็น 72% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (AP151A) มูลค่า 281.1 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (MBTH157A) มูลค่า 159.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บ้านปู (BANPU214A) มูลค่า 71.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 512.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,609 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,993 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,766 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.48% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.63% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อย ในตราสารรุ่นอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. ภายใต้ปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง นักลงทุนส่วนใหญ่รอติดตามผลการประชุม Fed ในวันที่ 17-18 ก.ย. โดยตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับการชะลอมาตรการ QE ภายหลังตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น สำหรับนักลงทุนต่างชาติยังคงมีแรงขายในทุกช่วงอายุตราสาร ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 1,766 ล้านบาท