ทั้งนี้ 27th Myanmar SEA Games Lucky Cards Campaign เป็นแคมเปญที่ต้องการสร้างการรับรู้ไปยังประชาชนชาวพม่า ราว 60 ล้านคน ในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาระดับภูมิภาคอาเซียน ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ณ กรุงเนปิดอ โดยจะส่งเสริมการรับรู้ผ่านลัคกี้ การ์ด ซึ่งบนการ์ดจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับงานกีฬาซีเกมส์ พร้อมเลขรางวัล ซึ่งประชาชนผู้สนับสนุนลัคกี้การ์ดสามารถลุ้นรับรางวัลจากตัวเลขบนการ์ด โดยรางวัลมีมูลค่ารวม 200 ล้านจ๊าด (200,000,000 Kyat) โดยแคมเปญมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม — 30 พฤศจิกายน 2556
“บริษัทจะสร้างความตื่นตัวและความภาคภูมิใจให้กับชาวพม่าในการเป็นเจ้าภาพงานกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 27 ผ่านสโลแกนของแคมเปญที่ว่า “Proud to be Myanmar, support 27th SEA Games" โดยบริษัทฯ เป็นผู้ที่ดำเนินงานตั้งแต่คิดคอนเซ็ปต์ คิดกิจกรรม ตลอดจนทำโฆษณาประชาสัมพันธ์แคมเปญทั้งหมด ซึ่งคาดว่าแคมเปญนี้จะสร้างรายได้ประมาณ 30-60 ล้านบาท นอกจากนี้ นับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจสู่อาเซียนอีกด้วย"นายเสริมคุณ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMO กล่าวอีกว่า บริษัทเล็งเห็นศักยภาพของประเทศพม่าที่มีเศรษฐกิจเติบโตดี มีกำลังซื้อ และมีจำนวนประชากรที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย จึงได้เข้าไปดำเนินธุรกิจในพม่า โดยตั้งเป้างานในประเทศพม่าประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทเป็นที่รู้จักในหมู่บริษัทเอกชนและบริษัทไทยในพม่าอยู่แล้ว แต่หลังจากการที่บริษัทได้เข้าไปทำงานแคมเปญซีเกมส์นี้จะช่วยต่อยอดงานอื่นๆ ในพม่าได้อีก ซึ่งขณะนี้รัฐบาลและสื่อมวลชนในพม่าเริ่มรู้จัก CMO มากขึ้น ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านงานสื่อสารครบวงจรและบริหารงานอีเว้นท์จากประเทศไทย ทั้งนี้บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้จากต่างประเทศไว้ที่ 5% ของรายได้รวม
“แคมเปญ ซีเกมส์ ลัคกี้ การ์ด ครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับกิจกรรมทางการตลาดของพม่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้รูปแบบของบัตรที่ระลึกนำโชคและแผนการสื่อสารแบบครบวงจรมาเรียกความสนใจจากประชาชน ซึ่งนับว่ายังไม่เคยมีมาก่อน โดยในวันเปิดแคมเปญ และเปิดขายการ์ดวันแรก มีประชาชนชาวพม่า ให้ความสนใจมาร่วมงานและซื้อการ์ดเป็นจำนวนมาก"นายเสริมคุณ กล่าว
ในปีนี้บริษัทจะขยายธุรกิจไปยังรอบๆ ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศ CMLV ซึ่งบริษัทได้จัดงานสำคัญๆ ไปหลายงาน อาทิ จัดงานเปิดตัวเที่ยวบินกรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ของสายการบินไทยสไมล์ ของบมจ.การบินไทย (THAI), งานเปิดตัวโคคา โคลา ที่ประเทศลาว และงานแถลงข่าวเปิดแคมเปญ “แจกหนัก จัดใหญ่" ของคูโบต้า ที่ประเทศพม่า เป็นต้นนอกจากนี้ยังมีแผนงานไปยังประเทศอินโดนีเซีย โดยได้ร่วมกับบริษัทที่ทำธุรกิจไมซ์ (Mice) ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อทำโครงการใหญ่ ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้เข้าไปจัดงานสงกรานต์ "เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์" Songkran Splendours ณ ประเทศอินโดนีเซีย มาแล้ว
สำหรับการขยายศักยภาพของธุรกิจอีเว้นท์ไทยไปสู่อาเซียนมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นว่ามีการสำรวจพฤติกรรมของคนในแต่ละประเทศ พบว่าบางประเทศในกลุ่มอาเซียนยังมีกิจกรรมด้านบันเทิง ตลอดจนอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้งที่ไม่ทันสมัยนัก จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ธุรกิจอีเว้นท์ไทยจะนำเครื่องมือและนวัตกรรมด้านแสง สี เสียง ไปแสดงให้ชาวต่างชาติได้เห็นศักยภาพของทีมงานไทย ไม่ว่าจะผ่านรูปแบบการจัดคอนเสิร์ต ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ตลอดจนการจัดงานตามเทศกาลต่างๆ
“บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 1,200 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกทำไปได้แล้ว 500 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากต่างประเทศตั้งเป้าไว้ที่ 5% ของรายได้รวม และตั้งเป้า ว่าภายใน 4-5 ปีจากนี้ สัดส่วนรายได้จาก ต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 10%"นายเสริมคุณ กล่าว