นายธารา กล่าวว่า กรณีดังกล่าวส่งผลให้คราบน้ำมันได้ถูกพัดเข้าชายหาดบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล การท่องเที่ยว และวิถีชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว แม้บริษัทดังกล่าวและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจะอ้างว่าได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามมาตรฐาน แต่ภาคประชาชนยังไม่เชื่อมั่นในข้อมูลและการดำเนินงานที่ผ่านมา
"คณะกรรมการตรวจสอบทั้งที่ตั้งขึ้นโดยพีทีทีจีซี คณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน(กปน.) และหน่วยงานรัฐอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่มีองค์ประกอบของผู้เชี่ยวชาญอิสระและภาคประชาชน ทั้งยังไม่มีการเปิดเผยกระบวนการและรายงานการตรวจสอบต่อสาธารณะ" นายธารา ระบุ
นายธารา กล่าวว่า ทางกลุ่มได้ติดตามปัญหาอย่างใกล้ชิดจึงได้มีแถลงการณ์เรียกร้องต่อรัฐบาลให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเผยแพร่ต่อสาธารณะโดยมีการรณรงค์เรียกร้องการสนับสนุนจากประชาชนผ่าน www.change.org และมีผู้ร่วมสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าวจำนวนมาก บัดนี้มีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศร่วมสนับสนุนข้อเรียกร้องให้มีการตั้งกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีปัญหาน้ำมันรั่วมากกว่า 30,000 คน
นายธารา กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้นายกฯ แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญ คือ 1.เป็นคณะกรรมการอิสระระดับชาติที่แต่งตั้งโดยนายกฯ 2.มีอำนาจในการเรียกข้อมูลและข้อเท็จจริงทั้งจากหน่วยงานรัฐและเอกชน 3.มีหน้าที่หลักดังต่อไปนี้ ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาน้ำมันรั่วไหล ตรวจสอบผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม เสนอหลักการฟื้นฟูเยียวยาความเสียหายต่อรัฐบาล และจัดทำข้อเสนอเพื่อปรับปรุงนโยบาย กฎหมาย โครงสร้าง และกลไกที่เกี่ยวข้องกับการรับมือสถานการณ์น้ำมันรั่วไหลในอนาคต
4.องค์ประกอบของคณะกรรมการ ประกอบด้วย ประธานเป็นอิสระ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจน้ำมันและปิโตรเลียม มีตัวแทนภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านนิเวศน์ ด้านสุขภาพ ด้านกฎหมาย ภาคประชาสังคม(องค์กรพัฒนาเอกชนและหรือองค์กรประชาชนในพื้นที่) และ 5.กระบวนการทำงานของคณะกรรมการต้องมีความโปร่งใส เปิดเผยการดำเนินงานและรายงานต่อสาธารณะ
ด้านนายสุภรณ์ กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นจะนำเรื่องนี้กลับไปเสนอให้นายกฯ รับทราบ เพื่อพิจารณาต่อไป