ด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าบรรยากาศการลงทุนน่าจะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรป รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มมีเสถียรภาพมากขึ้น ในขณะที่ความกังวลเรื่องการยกเลิกมาตรการ QE ของสหรัฐฯ การไหลออกของเงินทุน ปัญหาการเมืองภายในประเทศ และตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่อาจจะไม่แสดงการขยายตัวมากนักจะเป็นปัจจัยที่รบกวนตลาดอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะขยายตัวราว 3.5% เป็นการปรับลดลงจากคาดการณ์เมื่อต้นปีที่คาดว่าจะขยายตัวราว 7% เนื่องจากในช่วงต้นปีทางบริษัทคาดว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การปรับเงินเดือนปริญญาตรี การรับจำนำข้าว และการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว จะส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศขยายตัวในอัตราที่สูง แต่ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าเกษตรโดยรวมอยู่ในระดับต่ำ และภาระหนี้สินที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนลดลง
สาเหตุที่บริษัทคาดการณ์อัตราเติบโตของเศรษฐกิจไทยต่ำกว่าประมาณการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)เนื่องจากบริษัทมองว่าเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 3/56 ยังคงฟื้นตัวในระดับต่ำ ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศในอาเซียนและจีนยังคงอ่อนแอ โดยไทยส่งออกไปยังอาเซียนและจีนราว 37% ของยอดส่งออกทั้งหมด ดังนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปอาจไม่ส่งผลให้การส่งออกของไทยในไตรมาส 3/56 ขยายตัวมากนัก และคาดว่าการบริโภคภายในประเทศจะยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคมีแนวโน้มสูงขึ้น
ส่วนเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/56 จะถูกผลกระทบจากฐานสูงในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วที่ขยายตัวสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นผลจากมาตรการรถคันแรก บริษัทคาดว่าการลงทุนภาคเอกชนจะชะลอตัวลงจนกว่าผู้ลงทุนจะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการบริโภคภายในประเทศอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม บริษัทเห็นว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างแท้จริง เป็นเพียงการชะลอตัวหลังจากที่เร่งตัวมากในช่วงก่อนหน้านี้ การที่เศรษฐกิจในไตรมาส 1/56 และไตรมาส 2/56 เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค มีสาเหตุจากการที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/55 ขยายตัวในอัตราที่สูงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จึงชะลอตัวลงในไตรมาสแรกของปีนี้ และเป็นปกติที่เศรษฐกิจในไตรมาสสองของทุกปีมักจะขยายตัวต่ำกว่าในไตรมาสแรก เนื่องจากมีวันหยุดหลายวัน
ปัจจัยที่จะช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังคงเป็นภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลที่ยังคงค้างอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ การที่ผู้ผลิตรถยนต์กลับมาเน้นผลิตเพื่อการส่งออก หลังจากที่เน้นผลิตเพื่อส่งลูกค้าในประเทศในช่วง 2 ไตรมาสแรก อาจส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกดีกว่าที่ทางบริษัทฯคาด และหากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด ก็จะส่งผลดีต่อการส่งออก และส่งผลต่อเนื่องไปยังราคาสินค้าเกษตร รวมถึงการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน
อนึ่ง ผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นในช่วงครึ่งปีแรกสิ้นสุดเดือน มิ.ย.56 กองทุนภายใต้การบริหารยังคงมีผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีฯ โดยพอร์ตการลงทุนแบบเน้นหุ้นปันผล (Dividend model) ให้ผลตอบแทนประมาณ 10% มากกว่าดัชนีฯที่เติบโต 4.31% สาเหตุหลักมาจากการให้น้ำหนักการลงทุนในหลักทรัพย์หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่มากกว่าดัชนีฯ และพอร์ตการลงทุนแบบเน้นหุ้นเติบโต (Growth model) ให้ผลตอบแทนประมาณ 16% มากกว่าดัชนีฯที่เติบโต 4.31% ปัจจัยบวกมาจากการลงทุนในหลักทรัพย์หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าดัชนีฯ