“เมก้า ประสบความสำเร็จในการเติบโตทางธุรกิจตลอด 26 ปีที่ผ่านมา จากจุดเริ่มต้นที่มีผลิตภัณฑ์จดทะเบียนเพียง 5 ตัว จนเพิ่มขึ้นเป็น 627 ผลิตภัณฑ์ และมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของเราใน 29 ประเทศทั่วโลก...การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะทำให้เราสามารถมีโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ เพื่อผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตต่อไปในภูมิภาคนี้ รวมถึงสามารถเข้าซื้อแบรนด์ต่างๆ ขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงการชำระเงินกู้ยืมที่มีอยู่ และเพิ่มเงินทุนหมุนเวียน"นาวิเวก กล่าว
"เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์"มีการเติบโตอย่างมาก ด้วยยอดขาย 194.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 55 เพิ่มขึ้นจาก 159.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 54 และ 131.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 53 ขณะที่มีกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 22.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 55 เพิ่มขึ้นจาก 18.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 54 และ 14.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 53
เพื่อตอบสนองการเติบโตทางธุรกิจในประเทศไทย บริษัทฯ ได้ขยายฐานการผลิตเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในผลิตภัณฑ์ชั้นนำของบริษัทฯ อันได้แก่ แนทบี (Nat B) แนทซี (Nat C) และน้ำมันปลาชนิดแคปซูล (Fish Oil capsules) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ขายดีที่สุดในกลุ่มสินค้าประเภทเดียวกัน รวมถึงโกเฟน (Gofen) ยาแก้ปวดกลุ่มไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย
นายวิเวก ยังได้กล่าวถึงการเข้าซื้อแบรนด์ยูกิก้า (EugicaTM) ยาอมแก้ไอสมุนไพรอันดับหนึ่งในตลาดประเทศเวียดนาม โดยบริษัท โฮง แซง ฟาร์มาซูติคอล (Hau Giang Pharmaceutical-DHG) จะยังคงผลิตยาอมแก้ไอ “ยูกิก้า" ในประเทศเวียดนามต่อไป ซึ่งจะถูกรวมเข้ากับเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญด้านแบรนด์ดิ้งและการตลาดระดับโลกที่แข็งแกร่งของเมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์
“การเข้าซื้อแบรนด์ยูกิก้า เป็นตัวอย่างที่ดีในกลยุทธ์ทางธุรกิจของเรา โดยเราได้ประโยชน์จากการรวมอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ที่หลากหลายในตลาดที่กำลังเติบโตเข้าด้วยกัน ผ่านการเข้าซื้อแบรนด์ต่างๆ"