นายสมชัย เลขะพจน์พานิช ประธานกรรมการ PAP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15% มาที่ 8.5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 7.2 พันล้านบาท เนื่องจากจากงานก่อสร้างต่างๆที่มีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงโครงการของภาครัฐ ทำให้ความต้องการเหล็กในประเทศขยายตัวราว 6% และจากความต้องการเหล็กจำนวนมากในปัจจุบันทำให้บริษัทมีคำสั่งซื้อค้างประมาณ 1 เดือนประมาณ 2 หมื่นตัน
ด้านอัตรากำไรสุทธของบริษัทฯปีนี้คาดว่าจะรักษาให้อยู่ในระดับ 3-5 % จากที่บริษัทฯได้มีการบริหารจัดการสต๊อกสินค้าให้มีประสิทธภาพมากขึ้น หลังจากที่มีการขาดทุนสต๊อกสินค้าราว 30 ล้านบาท และหลังจากนี้คาดว่าจะไม่มีการขาดทุนสต๊อกสินค้าแล้ว เนื่องจากราคาเหล็กเริ่มปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากราคาเหล็กในประเทศจีนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าเหล็กในประเทศไทยเองก็จะมีการปรับตัวสูงขึ้นตาม ทั้งนี้บริษัทฯยังไดี้การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนในปัจจุบันไว้แล้ว
นายสมชัย กล่าวว่า บริษัทเห็นแนวโน้มความต้องเหล็กที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเพื่อรองรับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ มูลค่า 2 ล้านล้านบาท และการขยายการลงทุนของภาคเอกชน บริษัทจึงมีแผนสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิต คาดว่าจะได้ข้อสรุปในอีก 2-3 เดือน ซึ่งล่าช้าออกมาจากแผนเดิม เนื่องจากทางการมีการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน
สำหรับโรงงานแห่งใหม่คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 600-700 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 1.5 แสนตัน/ปี จากที่ปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 3 แสนตัน/ปี
ปัจจุบัน บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาขยายตลาดในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยมองแนวโน้มตลาดที่จะมีการเติบโตได้ดีคือลาวและพม่าที่กำลังจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานค่อนข้างมากในอนาคต
"เราได้มองการไปลงทุนในต่างประเทศ ในกลุ่ม AEC เพราะเราคือศูนย์กลาง และแนวโน้มในอนาคตจะมีการเติบโตค่อนข้างมาก ซึ่งเราก็ได้มีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เราคาดว่าจะเข้าไปในปี 58-59 หลังจากมีการเปิด AEC แล้ว"นายสมชัย กล่าว