"ตลาดหุ้นไทยตอบนี้ยังรับกระทบจาก fund flow ที่ไหลออก เพราะถ้าตัดเรื่องซีเรยออก นับจากพ.ค.ที่เริ่มกังวลว่าจะลด QE เม็ดเงินก็ยังไหลไม่หยุด และยังไม่รู้ว่าจะจบตรงไหน ยังบอกไม่ได้ เพราะเม็ดเงินเข้ามาจากทั่วโลก"นายจรัมพร กล่าว
นายจรัมพร กล่าวว่า จากต้นปีจนถึงขณะนี้เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทยไปแล้ว 1.1 แสนล้านบาท ถือว่าสูงมากแล้ว จากนี้ก็คงจะไม่ได้ไหลออกไปมากแล้ว เพราะเมื่อนักลงทุนขายถึงระดับหนึ่งก็คงจะต้องหยุดขาย เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้เปลี่ยนไปมาก ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในระดับที่ดี อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับเฉลี่ยกว่า 3% ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุน ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากหรือพันธบัตร อีกทั้งการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ยังได้รับประโยชน์ด้านภาษีด้วย
ส่วนปัญหาซีเรีย อาจจะกระทบทางอ้อมจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนผลกระทบจะมากน้อยแค่ไหนคงต้องรอดูสถานการณ์ "ซีเรียไกลจากเรา เป็นปัญหานอกประเทศ และเชื่อว่าจะมีแนวทางแก้ไขได้"นายจรัมพร กล่าว
สำหรับการจัดงาน Thailand Focus 2013 ในครั้งนี้ นายจรัมพร กล่าวว่า สิ่งที่จะนำมาดึงดูดนักลงทนต่างชาติคือการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประทศ และทำให้บริษัทจดทะเบียนแข็งแกร่งขึ้น สามารถขยายธุรกิจไปครอบคลุมภูมิภาคได้ การเติบโตจะเร็วขึ้น ดังนั้น เชื่อว่าเมื่อนักลงทุนเลิกตกใจกับ QE แล้ว ก็จะหันกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะบริษัทจดทะเบียนของไทยผ่านวิกฤติมามาก และสามารถปรับตัวรองรับความผันผวนได้ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่พิสูจน์มาแล้ว
อย่างไรก็ตาม มองว่าช่วงนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีที่จะเลือกซื้อหุ้นเพื่อการลทุนในระยะยาว