น.ส.อัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน JUBILE เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า (ปี 57-59) เติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ต่อปี ตามการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้สาขาในประเทศปีนี้จะขยายเป็น 108 สาขา ใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท ครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 100 สาขา และภายใน 3 ปีข้างหน้าจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 200 สาขา
ส่วนการขยายสาขาในต่างประเทศ บริษัทคาดว่าในช่วงปลายไตรมาส 3/56 จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการขยายสาขาเพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน (AEC) ซึ่งประเทศที่มีความเป็นไปได้ในการเปิดสาขาในประเทศแห่งแรก คือ อินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทได้ขยายสาขาตามพันธมิตรห้างสรรพสินค้า
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังคงเป้ารายได้เติบโต 20% จากปีก่อน หรืออยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งในปี 55 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1.23 พันล้านบาท เนื่องจากในช่วงครีงปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นโดยเฉพาะไตรมาส 4/56 ที่มียอดขายสูงที่สุด ประกอบกับในช่วงไตรมาส 3/56 มีคอลเล็คชั่นใหม่วันแม่ ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้คาดว่ารายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้า ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้า
“จากภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่ชะลอตัวเราเชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้า แต่อาจจะส่งผลเชิงจิตวิทยาบ้างเล็กน้อย แต่บริษัทก็มีการกระตุ้นยอดขายโดยการออกโปรโมชั่น และทำโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต ประกอบกับการออกคอลเล็คชั่นใหม่ๆที่ตอบโจทย์ลูกค้า ซึ่งจะเห็นได้จากช่วงหลังๆที่สินค้าของเราตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น คุณภาพและตัวเรือน รวมไปถึงเทคโนโลยีการผลิตเพชรต่างๆเราก็ทำให้มีการน่าสนใจมากขึ้น เพื่อทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกตื่นเต้นกับความแปลกใหม่ แต่สำหรับปัจจัยที่เราต้องดูคงเป็นเรื่องการเมืองเนื่องจากส่งผลกระทบต่ออารมณ์การช็อปปิ้งของลูกค้า ซึ่งการปรับเป้าใหม่นั้นเรายังไม่พิจารณา คงเป็นไปตามแผนเดิมก่อน"น.ส.อัญรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ รายได้ในครึ่งปีแรกของบริษัทเติบโต 22% หรืออยู่ที่ 705.38 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 576.56 ล้านบาท เนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับผลตอบรับอย่างดีและการจัดงานลดราคาส่งผลให้ยอดขายในครี่งปีแรกเกินเป้า
ส่วนอัตรากำไรสุทธิในปีนี้บริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ 13-15% โดยปีก่อนมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 13.5% ซึ่งในครึ่งปีแรกของปีนี้อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 14.1% และในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 40% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 43.7% และในครึ่งปีแรกของปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 41.6%
“สำหรับเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัท เพราะเราได้ทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน 75% ของมูลค่าวัตถุดิบที่นำเข้าทั้งหมด"น.ส.อัญรัตน์ กล่าว