(เพิ่มเติม) TRU ปรับเป้ายอดขายปี 56 เป็นทรงตัวจากคาดโต 15% เลื่อนแผนลงทุนห้องพ่นสี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 28, 2013 13:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทยรุ่งยูเนียนคาร์(TRU) ปรับลดเป้าหมายยอดขายในปีนี้เหลือแค่ทรงตัวจากปีก่อน จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ราว 15% เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัวกว่าที่คาดไว้หลังสิ้นสุดโครงการรถยนต์คันแรก โดยมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังยอดขายคงจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนัก พร้อมกันนั้นบริษัทได้ตัดสินใจเลื่อนแผนลงทุนสร้างห้องพ่นสีใหม่มูลค่าราว 500-600 ล้านบาทออกไปเป็นปีหน้า แต่ยังเดินหน้าเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรจากญี่ปุ่นเพื่อประกอบรถหัวจักรและรถบรรทุกขนาดใหญ่ เนื่องจากคาดว่าตลาดจะมีความต้องการสูงขึ้นจากการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ของประเทศ

นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ TRU คาดว่า ยอดขายของบริษัทในปีนี้คงจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่มียอดขาย 3.7 พันล้านบาท พลาดจากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 15% เนื่องจากก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมยานยนต์ตั้งเป้าภาพรวมยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ที่ 2.6-2.7 ล้านคัน แต่ขณะนี้น่าจะทำได้ราว 2.5 ล้านคันใกล้เคียงปึก่อน เนื่องจากตลาดในประเทศเติบโตลดลงหลังสิ้นสุดโครงการรถคันแรก แม้ว่าส่งออกยังเติบโตได้

ทั้งนี้ บริษัทมองว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะชะลอลงจากครึ่งปีแรก หลังจากไตรมาสแรกทำยอดขายได้สูงสุดเนื่องจากได้รับผลดีจากโครงการถคันแรก แต่ปกติในไตรมาส 4 ยอดขายจะเพิ่มขึ้น แต่ปีนี้อาจจะไม่ได้ฟื้นตัวมากทันที

ดังนั้น บริษัทจึงตัดสินใจเลื่อนแผนลงทุน จากเดิมปีนี้มีแผนสร้างห้องพ่นสีและโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะฯ โดยจะใช้งบลงทุน 500-600 ล้านบาท เพราะมองว่ายังไม่จำเป็นต้องเร่งขยายการลงทุน แต่จะนำแผนดังกล่าวมาพิจารณาอีกครั้งในปี 57 ซึ่งคาดว่าภาพรวมอุตสาหกรรมจะกลับสู่ภาวะปกติ และเติบโตได้มากกว่าปีนี้

ขณะเดียวกัน บริษัทจะหันไปลงทุนในธุรกิจประกอบตัวถังรถบรรทุกใหญ่ และรถหัวจักร รถหัวลาก ซึ่งมีความจำเป็นในการขนส่งในช่วงต่อจากนี้ โดยเฉพาะในการก่อสร้างภายใต้โครงการ 2 ล้านล้านบาทของภาครัฐที่อาจจะต้องมีการขนส่งวัสถุก่อสร้างและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทญี่ปุ่นเพื่อร่วมลงทุน จัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาในประเทศไทย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนใน 2-3 เดือนนี้ มูลค่าลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยน่าจะไปถึงเป้าหมาย 3 ล้านคันได้ในในอนาคต เนื่องจากรถยนต์อีโคคาร์และรถกระบะขนาด 1 ตันยังได้รับความนิยม ส่วนค่าเงินบาทที่เคลื่อนไหวในระดับ 31-32 บาท/ดอลลาร์มองว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ เชื่อว่าผู้ผลิตทุกรายจะรับมือได้ ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้จะมีหารือกับผู้จัดการกองทุนต่าง ๆ ถึงมุมมองต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ