อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงแรงในรอบนี้เท่าที่หารือกับบริษัทสมาชิกไม่พบว่ามีปัญหาเรื่องการชำระราคา และไม่มีการบังคับขาย (Force Sell) ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากยอดมาร์จินมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4 หมื่นล้านบาท จากก่อนหน้านี้เคยขึ้นไปสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท ตอนนี้นักลงทุนดูแลตัวเองดีมาก ไม่มี Force Sellเพราะมีการทยอยขายลดพอร์ตออกไปก่อน
ขณะที่ปัจจัยที่มีผลกระทบโดยตรงต่อตลาดหุ้นในขณะนี้คือกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งตลาดหุ้นไทยถือว่ามีสภาพคล่องมากที่สุดในกลุ่ม TIPs ทำให้มีการเทขายหุ้นออกไปมากกว่าตลาดหุ้นอื่นในกลุ่ม ไม่ใช่เพราะการบังคับขาย(Force sell) เนื่องจากนักลงทุนสามารถปรับตัวได้ดีขึ้นกว่าในอดีต ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในเดือนหน้า เชื่อว่าคงไม่เหนือความคาดหมาย และตลาดก็ตอบรับไปมากแล้ว
นางภัทธีรา กล่าวต่อว่า หุ้นไทยเจอผลกระทบื้งเรื่อง QE และเศรษฐกิจอ่อนตัว แต่หากดูพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยแล้วค่อนข้างดี ยืนยันว่าไม่น่าห่วงทั้งเศรษฐกิจมหภาคและผลกำไรบริษัทจดทะเบียน แม้ไตรมาส 2/56 กำไรอ่อนตัวบ้างเพราะบาทแข็งช่วงไตรมาส 1/56 มีผลต่อผลกำไรไตรมาส 2/56 แต่ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงช่วงนี้จะส่งผลดีต่อการส่งออกในไตรมาส 4/56