สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB145B และ LB176A (รุ่นอายุ 1.8 ปี, 0.8 ปี และ 3.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 16,270 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY142B) มูลค่า 622.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) (TTW142A) มูลค่า 78.7 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF218B) มูลค่า 50.4 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 752.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90.1% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 790 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,683 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -3,934 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.52% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.75% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.07%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-10 bps. โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกับการชะลอมาตรการ QE ของสหรัฐฯ และปัจจัยลบ ต่อ Global Sentiment เกี่ยวกับกรณีที่สหรัฐฯ อาจปฏิบัติการโจมตีซีเรีย สำหรับนักลงทุนต่างชาติยังคงมีแรงขายในพันธบัตรทุกช่วงอายุ ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 3,934 ล้านบาท