THREL จะเสนอขายจำนวน 10 ล้านหุ้น ให้แก่ประชาชน ในวันที่ 26-27 และ 30 กันยายนนี้ ส่วนบมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ(THRE)จะเสนอขายหุ้นสามัญเดิมจำนวน 285 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ THRE จำนวนไม่เกิน 118 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 29.76 THRE ต่อ 1 หุ้นของบมจ. ไทยรีประกันชีวิต โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้น ในวันที่ 11 ก.ย. 2556 และวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 ก.ย. 2556 โดยกำหนดวันเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมในวันที่ 23-25 กันยายน 2556 นอกจากนี้ THRE ยังนำหุ้นสามัญเดิมจำนวนไม่น้อยกว่า 167 ล้านหุ้น เสนอขายต่อประชาชน ในวันที่ 26-27 และ 30 กันยายน 2556
*เบี้ยประกันรับปีนี้คาดโต 20-30% เช่นเดียวกับ 2 ปีที่ผ่านมา
รองประธานกรรมการบริหาร THREL กล่าวว่า ปีนี้(2556)เบี้ยประกันรับของบริษัทฯคาดว่าจะเติบโตประมาณ 20-30% ซึ่งคงจะในทิศทางเดียวกันกับ 2 ปีที่ผ่านมาที่ทางบริษัทฯเติบโตในระดับนี้ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ปีนี้บริษัทฯก็ยังสามารถที่จะเดินหน้าเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยดูได้จากผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ที่ผ่านมา ก็จะสามารถคาดเดาได้
อนึ่ง ข้อมูลจากสำนักงานก.ล.ต.ระบุว่า ณ วันที่ 30 มิ.ย.2556 THREL มีรายได้รวม 643.13 ล้านบาท กำไรสุทธิ 183.91 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 1,458.82 ล้านบาท หนี้สินรวม 611 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 847.82 ล้านบาท
รองประธานกรรมการบริหาร THREL กล่าวต่อว่า หากดูข้อมูลของสมาคมประกันชีวิตจะเห็นได้ว่าครึ่งปีแรก(H1/56)เบี้ยประกันชีวิตมีการเติบโต 17-18% ซึ่งเติบโตได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยที่ 15% การเติบโตของเบี้ยประกันมาจากช่องทางการขายด้วย ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ขายแต่เฉพาะตัวแทนเท่านั้น ยังมีการขายผ่านธนาคารพาณิชย์ ขายผ่าน Call Center ทำให้โอกาสที่จะเติบโตจึงมี แต่ทั้งนี้หากเศรษฐกิจมีการชะลอตัวลง ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการออกตลาดอยู่เหมือนกัน เพราะจะทำให้ขายได้ยากมากขึ้น
ทั้งนี้ มองว่าในช่วงครึ่งปีหลัง(H2/56)น่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก(H1/56)หากดูที่ยอดเงินจะน่าจะเพิ่มขึ้นมาก แต่ถ้าดูในแง่ของเปอร์เซนต์จะเติบโตไม่ต่างกันเท่าไร
*ระดมทุนขาย IPO หลักใหญ่ช่วยเสริม RBC ให้แข็งแกร่งขึ้น
นายสุทธิ กล่าวต่อว่า "จริง ๆ ธุรกิจประกันจะต้องมีหลักประกันที่แข็งแรงถึงจะเป็นที่เชื่อถือของผู้ทำประกัน ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้หลักใหญ่ คือการนำมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุนให้เป็นไปตามเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง(RBC) โดยเราพยายามจะทำให้แข็งแกร่งให้อยู่ในระดับที่สูง"
"ถ้าเกินระดับ 300% ก็เสมือนกับได้เกรด AAA ของระดับอินเตอร์ฯแล้ว และปัจจุบันบริษัทฯก็อยู่ในระดับ 450% ถือว่าอยู่ในระดับอินเตอร์ฯแล้ว แต่เราก็อยากจะให้แข็งแกร่งขึ้นอีก เราอยากจะโต"
สำหรับพอร์ตการลงทุนของบริษัทฯขณะนี้ก็มีไม่มาก โดยมากจะลงทุนในพันธบัตร ตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องสูง มากกว่า เพราะจะให้ผลตอบแทนที่แน่นอน และเป็นการลงทุนอย่างปลอดภัยด้วย ส่วนการลงทุนหุ้นในตลาดฯก็มีอยู่บ้างเล็กน้อย