(เพิ่มเติม) ก.ล.ต.-ตลท.เผยผลหารือภาวะตลาดฯ ไม่จำเป็นต้องตั้งกองทุนพยุงหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 30, 2013 14:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผลการหารือระหว่างเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)และ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้นของไทย เห็นว่าภาวะตลาดที่ผันผวนในขณะนี้เป็นผลจากปัจจัยภายนอกที่ทำให้มีเงินทุนไหลออก และเห็นว่าไม่จำเป็นต้องตั้งกองทุนพยุงหุ้น เพราะเชื่อว่าเมื่อภาวะการเงินของโลกกลับสู่ปกติก็จะทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะปัจจัยพื้นฐานมีความแข็งแกร่ง

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า หลังจากได้ประชุมหารือกับ ตลท.พบว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงเป็นผลจากความกังวลแนวโน้มที่สหรัฐจะชะลอมาตรการ QE ทำให้นักลงทุนต่างชาติเคลื่อนย้ายเงินออกและปรับพอร์ตการลงทุนในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม มองพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดีอยู่ ภาครัฐยังมีหนี้สาธารณะต่ำ ขณะที่ทุนสำรองของประเทศอยู่ระดับสูง ส่วนของบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตต่อเนื่องและมีแนวโน้มเติบโตไปได้อีกในอนาคต จึงมองว่าช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงความผันผวนของตลาด ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างชาติปรับพอร์ตลงทุน เป็นสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น

ทั้งนี้ ก.ล.ต.จะสนับสนุนให้เกิดกองทุนใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับภาวะตลาดผันผวน ซึ่งกองทุนไทยยังมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากเป็นอันดับ 3 ของโลก

ด้านนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ภาวะตลาดในปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการพิเศษมาดูแล โดยเฉพาะในรูปแบบของกองทุนพยุงหุ้น เนื่องจาก ตลท.ยังมีกลไกเครื่องมือต่างๆ ดูแลได้อยู่ ส่วนการชะลอ QE ของสหรัฐมองในแง่ที่ดี เนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาขยายตัวได้ดี หากเป็นสภาวะนั้นจริงจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยและอีกหลายธุรกิจ รวมทั้งการท่องเที่ยว เพราะจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น

สำหรับเงินบาทที่อ่อนค่าลงในขณะนี้เป็นผลกระทบด้านดีต่อเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่าจะทำให้การส่งออกดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มส่งสัญญาณเติบโตดีขึ้นแล้ว ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนยังมีพื้นฐานที่ดีและยังเติบโตได้ การที่ต่างชาติขายหุ้นออกก่อนหน้านี้เป็นการขายทั่วโลก หุ้นไทยที่ถูกเทขายเนื่องจากต่างชาติมองอยู่ในกลุ่ม TIPs แต่ในส่วนของตลท.มองว่าตลาดไทยไม่ได้อยู่ในกลุ่ม TIPs แล้วเพราะเติบโตเกินกลุ่ม TIPs ไปแล้ว ซึ่งตลาดฯจะประชาสัมพันธ์ให้รู้พื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่แท้จริง เพื่อให้ต่างชาติเข้าใจมากขึ้น เมื่อระยะต่อไปหากนักลงทุนรู้ถึงการเติบโตของไทยแล้วจะทำให้กลับเข้ามาลงทุนและตลาดหุ้นไทยก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในที่สุด

ส่วนเรื่องซีเรียมองว่าตลาดหุ้นไทยไม่ได้รับผลกระทบจากส่วนนี้เพราะหากจะมีสงครามเกิดขึ้นจริงจะต้องใช้ระยะเวลาอีกนานและไม่ใช่ผลกระทบโดยตรงที่กระทบทันทีต้องใช้เวลากว่าจะกระทบถึงไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ