สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB145B, LB176A และ LB21DA (รุ่นอายุ 0.8 ปี, 3.8 ปี และ 8.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,250 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY142B) มูลค่า 105.4 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT149A) มูลค่า 99.6 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บ้านปู (BANPU214A) มูลค่า 71.6 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 276.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45.1% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,085 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 19,879 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 805 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.72% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.03%
Yield Curve ปรับลดลงในทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-6 bps. จากการเข้าซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศบางส่วน ภายหลังจาก Yield ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ล่าสุดตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ไตรมาสที่ 2 ที่ประกาศเมื่อคืนนี้ ขยายตัว 2.5% YoY สูงกว่าประมาณการครั้งแรกที่ 1.7% และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน(Jobless Claims)ที่ลดลง แสดงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 805 ล้านบาท