บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า CAT เตรียมยื่นฟ้องบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE)อีกครั้งกรณีข้อพิพาทเสาโทรคมนาคมจำนวนทั้งสิ้น 4.5 พันต้น ในช่วงหลังหมดสัมปทานในวันที่ 15 ก.ย. นี้ แต่ไม่คัดค้านการนำเข้าจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ มองว่า กลต. ยังคงให้น้ำหนักความชัดเจนในกรรมสิทธิ์ของเสาโทรคมนาคมก่อนอนุมัติจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจำเป็นต้องรอคำตัดสินจากศาล และอาจส่งผลให้การจัดตั้งกองทุนล่าช้าออกไป ถือเป็น Sentiment เชิงลบกดดัน TRUE ในช่วงสั้นนี้
ด้าน บล.เคเคเทรด ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น TRUE มองว่าหาก TRUE สามารถระดมทุนผ่าน Infra Fund สำเร็จจะเป็นบวกต่อปัจจัยพื้นฐาน โดยประเมินมูลค่าเหมาะสม TRUE กรณีไม่รวม Infra Fund ที่ 6.90 บาท และต้องติดตามข้อมูลการนำทรัพย์สินอื่นขายเข้ากองทุนฯ เพื่อประเมินผลกระทบต่อการดำเนินงานและมูลค่าเพิ่มต่อหุ้นอีกครั้ง
ทั้งนี้ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กสทฯ (CAT) ระบุ CAT เตรียมยื่นฟ้องต่ออนุญาโตฯ อีกครั้งเกี่ยวกับข้อพิพาทเสาโทรคมนาคม 4,500 เสา หลังหมดสัญญาสัมปทาน 15 ก.ย.นี้ รวมทั้งจะส่งเรื่องให้อัยการส่งฟ้อง TRUE เพื่อคืนเสาอีก 3,500 เสาด้วย รวมเสาภายใต้สัมปทาน 7,000 เสา
เคเคเทรด ได้มองผลกระทบว่า มีทางเลือกเพื่อลดความเสี่ยง มองว่าระยะสั้นข่าวนี้จะกดดันราคาหุ้น TRUE อย่างไรก็ตามได้สอบถามกับบริษัทระบุ บริษัทยังคงมูลค่าการออก Infra Fund ไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท โดยบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณานำทรัพย์สินอื่นขายเข้ากองทุนฯ แทนเสาจำนวน 7,000 เสา เช่น เสาโทรคมนาคมใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง หรือโครงข่ายใยแก้วนำแสงซึ่งเป็นทรัพย์สินภายใต้บริษัท BFKT และไม่อยู่ภายใต้สัมปทาน
การเปลี่ยนทรัพย์สินขายเข้ากองทุนฯ จะกระทบมูลค่าตามบัญชีฯ กรณี TRUE มีการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่จะขายเข้ากองทุนใหม่แทนเสาที่เป็นความเสี่ยง 7,000 เสา จะมีผลต่อมูลค่าตามบัญชีของทรัพย์สินที่ขายเข้ากองทุนฯ ซึ่งจะมีผลต่อการประเมินกำไรจากการขายทรัพย์สินที่ประเมินไว้ก่อนหน้า(ประเมินบริษัทจะมีกำไรก่อนภาษีประมาณ 34,399 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น 2.37 บาท กรณีเสียภาษีจะมีกำไรราว 27,519 ล้านบาท หรือ 1.90 บาทต่อหุ้น)
ส่วนบล.บัวหลวง ระบุว่า TRUE เสาฯภายใต้สัญญาสัมปทาน กสท. 7 พันต้น ไม่สามารถรวมใน Infra-fund ได้ คาดมูลค่ากองลดลงราว 1-2 หมื่นลบ.จากเดิม 7 หมื่นลบ. คาดกระทบราว 0.7-1.4 บ./หุ้น