LVT เผย Q1/56 พลิกกำไรหลังขาดทุน 2 ปี คาด Backlog สิ้นปีพุ่งแตะ5พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 2, 2013 13:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาอาวุโส บมจ.แอล.วี.เทคโนโลยี(LVT) เปิดเผยถึงผลประกอบการเฉพาะกิจการไตรมาส 1/56 (ม.ค.-มี.ค.56)ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิในงวดดังกล่าว 154.47 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะเป็นการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ยังเป็นการพลิกจากที่มีผลขาดทุนสุทธิต่อเนื่อง 2 ปี ในปี 55 ซึ่งบริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 293.20 ล้านบาท และ 23.88 ล้านบาทในปี 54

ขณะเดียวกัน ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/56 เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 12.72 ล้านบาท คิดเป็น 141.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,114.39% ส่วนงบการเงินรวมไตรมาส 1/56 บริษัทมีกำไรสุทธิ 89.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 444.60% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 16.39 ล้านบาท

ทั้งนี้ การรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกล่าช้า เนื่องจากบริษัทฯ ต้องจัดทำระบบบัญชีใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)และเป็นการบันทึกตามมาตรฐานการบัญชีที่รับรองทั่วไปที่เป็นหลักสากล เนื่องจาก LVT รับรู้รายได้เป็นสกุลเงินต่างประเทศจากงานที่อยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ที่ผ่านมาบริษัทบันทึกบัญชีเป็นสกุลเงินบาท ทั้งที่จริงๆ แล้วจะต้องบันทึกเป็น Dual Accounting โดยบันทึกเป็น Dual Currency หรือบันทึกทั้งสองสกุล โดยขณะนี้การแก้ไขการบันทึกบัญชีสำหรับงบการเงินไตรมาสแรกได้เสร็จสิ้นลง และบริษัทฯ ได้รายงานผลการดำเนินงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนงบการเงินในไตรมาสที่ 2 นั้น คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณสิ้นเดือนกันยายนนี้ ดังนั้น บริษัทฯ จึงขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ พักการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ โดยการขึ้นเครื่องหมาย SP ต่อไปจนถึงช่วงสิ้นเดือนกันยายน

นายเนียลเซ่น กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง โดย ณ ขณะนี้มียอดงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3 พันล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 5 พันล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งก็จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยปัจจัยสนับสนุนหลักยังมาจากการปิดงานลูกค้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ละตินอเมริกา ประกอบด้วยบราซิลและเปรู ตะวันออกกลางและแอฟริกาใต้ รวมถึงพม่า แต่ละประเทศยังคงขยายโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ยังอยู่ในระดับที่สูง ส่งผลให้การสร้างโรงงานปูนซีเมนต์ขยายตัวตามไปด้วย

บริษัทพร้อมจะเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ด้วยศักยภาพ ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ซึ่งทำให้ลูกค้าทั่วโลกต่างไว้วางใจ มอบหมายให้บริษัทดูแลงานวางระบบโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ครบวงจร โดยยืนยันว่าจะไม่มีการลดจำนวนหรือเลิกจ้างพนักงานจำนวน 450 คนที่กระจายอยู่ทั่วโลก แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะปรากฏข่าวว่าคู่แข่งรายใหญ่ในตลาดโลกอย่าง FL Smidth จะประกาศลดพนักงานลง 1,100 คนหรือคิดเป็น 11% ของพนักงานทั้งหมดก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ