โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS)อนาคตลุ้นโอกาสชนะประมูลงานใหม่เดินรถ 4 โครงการ คือสายสีเขียวแก่ 2 สาย,สีชมพู และรถไฟฟ้ามวลเบา ต้องการใช้เงินทุนเพิ่ม 1.168 แสนล้านบาท เป็นส่วนทุน 4.67 หมื่นล้านบาท ที่เหลือใช้เงินกู้ ซึ่งการออก BTS-W3 จะทำให้ฐานะการเงินยืดหยุ่นสำหรับการลงทุนจะมาเติมเต็มในส่วนนี้
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาพื้นฐาน(บาท)
กรุงศรี ซื้อ 10.30
บัวหลวง ซื้อ 10.00
ธนชาต ซื้อ 9.70
ดีบีเอส วิคเคอร์ส(TH) ซื้อ 9.83
ฟิลลิป ทยอยซื้อ อยู่ระหว่างปรับประมาณการ
นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า จากราคาหุ้น BTS ปัจจุบันราว 7.80 บาท มี upside สูงราว 30% เมื่อปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 10.30 บาท จากมูลค่าโครงการบริหารการเดินรถที่คาดว่าจะประมูลได้ 4 โครงการ ได้แก่ สายสีเขียวแก่ 2 เส้นทาง สายสีชมพู 1 เส้นทาง และรถไฟมวลเบา 1 เส้นทาง ที่แนวโน้มจะมีความชัดเจนในปี 57
ทั้งนี้ รัฐบาลระบุว่าจะเปิดประมูลในเดือน ต.ค.นี้ 2 สาย คาดว่า BTS จะชนะทั้ง 4 เส้นทาง เพราะ 2 ใน 4 เส้นทางเชื่อมต่อกับ BTS โดยตรง คู่แข่งรายอื่นที่จะเข้ามาคงสู้ในด้านต้นทุนไม่ไหว ซึ่งคู่แข่งมี 2 แห่ง คือการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)และ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ(BMCL) ซึ่งหากดูจากโครงการเหมือนจัดสรรแบ่งงานกันไว้แล้ว เนื่องจากทางเทคนิคบางส่วนต่อเชื่อมกับ BMCL และบางส่วนต่อเชื่อมกับการรถไฟฯ เพราะฉะนั้นการที่เจ้าอื่นจะเข้าประมูลแข่งคงไม่สามารถเอาชนะได้
หากมองฐานะทางการเงินตอนนี้ BTS สถานะเป็นเงินสด หลังจากขายโครงการรถไฟฟ้าเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้มีเงินสดแข็งแกร่งมากเกือบ 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ BMCL ความเป็นไปได้ที่จะชนะมีน้อยกว่า
ส่วนผลประกอบการ BTS เติบโตต่อเนื่องหลังจากขายโครงการเข้ากองทุนฯ ประเมินกำไรต่อปี 2.5-2.7 พันล้านบาท/ปี เพราะ 1 ใน 3 หรือราว 1,000 ล้านบาทจะมาจากดอกเบี้ยรับ
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุว่า แผนบริหารเดินรถอีก 4 สาย หลังจากได้เงินจากการตั้งกองทุนฯ ไปแล้ว ซึ่งจะมีรถไฟฟ้าสีเขียว 2 สาย รถไฟฟ้ามวลเบา และรถไฟฟ้าสายสีชมพู คาดว่าใช้เงินส่วนเพิ่มทั้งหมด 116,800 ล้านบาท เป็นส่วนทุน 4.67 หมื่นล้านบาท ที่เหลือเป็นเงินกู้
ทั้งนี้ ภายใต้การจ่ายปันผล 3 ปีข้างหน้า ปีนี้(56)ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท ปี 57 ไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท และปี 58 ไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท หักส่วนนี้แล้ว บริษัทจะมี BTS-W3 ที่เพิ่งออกไปมาเติม และ D/E จะไม่สูงเกินไป เพราะหลังมีการใช้สิทธิ BTS-W3 ก็จะนำเงินไปคืนเงินกู้บางส่วน และ dilution ไม่มากนัก ถึงแม้ BTS-W3 ราคาใช้สิทธิจะสูงถึง 12 บาท ขณะที่ราคาหุ้นตอนนี้ 8 บาท อาจจะอยู่ห่างไกล แต่ทางบริษัทคาดว่าเมื่อประมูลงานเดินรถได้ 4 สายราคาหุ้นก็จะค่อยๆ ขยับขึ้น ในที่สุดราคาหุ้นจะสูงกว่าราคาใช้สิทธิที่ 12 บาท ซึ่ง BTS-W3 จะใช้สิทธิได้ปลายปี 59
"ถ้าสะท้อนมูลค่าของรถไฟฟ้าอีก 4 สายที่จะได้ในอนาคต จะได้มูลค่าส่วนเพิ่มอีก 3.79 บาท/หุ้น จากราคาพื้นฐาน 9.83 บาท/หุ้น" นายสมบัติ กล่าว
ขณะที่การบริหารเดินรถมีคู่แข่งน้อยราย เพราะผู้ที่มีเส้นทางเชื่อมต่อกับเส้นทางปัจจุบันจะได้เปรียบ เช่น สายสีเขียว BTS ได้เปรียบเพราะเป็นส่วนขยายของเดิม ส่วน BMCL ก็จะเจาะสายที่จะเชื่อมสายสีน้ำเงิน ส่วนแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ทั้งผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินไม่ค่อยดี จะเป็นคู่แข่งที่กำลังน้อยมาก
ส่วน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) อยู่ระหว่างปรับประมาณการและราคาพื้นฐานหุ้น BTS หลังจากผู้บริหารเปิดแผน BTSG Vision 2018 โดยยังเน้นในระบบขนส่งมวลชนที่รัฐจะมีเส้นทางการให้บริการและครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น เป้าของ Vision จะเพิ่มเส้นทางที่บริหาร 3 เท่าเป็น 115.1 กม. และรายได้จากระบบขนส่ง 6 เท่า เป็น 1 หมื่นล้านบาท
บริษัทโฟกัสประมูลงานเดินรถใน 4 เส้นทาง คือ แบริ่ง-สมุทรปราการ หมอชิต-สะพานใหม่ แคราย-มีนบุรี และระบบรถรางขนส่งมวลชนขนาดเบา บางนา-สุวรรณภูมิซึ่งจะเข้าร่วม bid ในการก่อสร้างและวางระบบใน 4 เส้นทาง BTS มีโอกาสมากในงาน E&M ซึ่งมักจะเป็นผู้ที่ได้รับงาน O&M ด้วย