กองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนที่โรลโอเวอร์มาจากกองก่อนหน้านี้ FAM FIPR6M1 เป็นกองทุน specific fund โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ และ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC(Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia) หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1), ธนาคาร CBQ (Qatar), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตั๋วแลกเงิน บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+), ตราสารหนี้ ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ. อีซี่บาย (BBB+), ตราสารหนี้ บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
"ตอนนี้ Sentiment การลงทุนไม่ดี ทั้งเรื่องลด QE เรื่องซีเรีย และเรื่องเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ แต่ผมเห็นว่าขณะนี้สัญญาณบวกเริ่มมาบ้าง เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจ G-3 (สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและยุโรป) ในไตรมาสที่ 2 ก็เป็นบวกหมด แม้ว่าเงินจะไหลออกบ้าง หุ้นปรับลดลงไปมาก แต่เงินบาทอ่อนค่า ช่วยกระตุ้นการส่งออก ดังนั้น ผมเชื่อว่าปลายปีจะเริ่มดีขึ้น แต่หากนักลงทุนยังไม่มั่นใจกับภาวะตลาด ก็ลงตราสารหนี้ไปก่อนได้"นายธีรพันธุ์ กล่าว