"ขอบอร์ดทบทวนปริมาณขายเมื่อกลางปีเหลือ 7.07 ล้านตัน หลังเทรดดิ้งต่างประเทศหายไปเยอะ อย่างไรก็ตาม ถึงจะปรับปริมาณขายลงมาจากเป้าเดิมแต่ก็ยังสูงกว่าปี 55 ที่มีปริมาณขาย 6.95 ล้านตัน มาจากผลผลิตของเหมือง 5.5 ล้านตัน และ ซื้อมาขาย 1.45 ล้านตัน"นายสีหศักดิ์ กล่าว
ช่วงครึ่งแรกของปี 56 บริษัทมีปริมาณขายแล้ว 3.35 ล้านตัน ครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีปริมาณใกล้เคียงกัน โดยขณะนี้ได้ขายล่วงหน้าเกือบหมดแล้วเหลือแค่ 5 หมื่นตัน ส่วนในปี 57 คาดว่าปริมาณขายถ่านหินจะเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านตัน แบ่งเป็นผลผลิตจากเหมือง 7 ล้านตัน และ outsource 1 ล้านตัน
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า รายได้รวมในครึ่งปีหลังคาดว่าจะใกล้เคียงครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 5,837 ล้านบาท และกำไรจะพยายามทำให้ได้ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่มีกำไร 345 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยอมรับว่าภาพรวมทั้งปีรายได้และกำไรคงจะต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 13,467 ล้านบาท และกำไร 915 ล้านบาท เนื่องจากราคาถ่านหินปรับลดลง
บริษัทคาดว่าราคาถ่านหินเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ไม่เกิน 80 เหรียญฯ/ตัน ต่ำกว่าปี 55 ที่มีระดับเฉลี่ยสูงกว่า 90 ดอลลาร์ โดยคาดว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยครึ่งปีหลังจะทรงตัวใกล้เคียงกับครึ่งแรกที่ไม่เกิน 80 เหรียญฯ/ตัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 78 เหรียญฯ/ตัน หรือไม่น่าจะต่ำกว่า 75 เหรียญฯ/ตัน ทั้งนี้ มองราคาถ่านหินตลาดโลกน่าจะปรับขึ้นต้นปี 57 เพราะในไตรมาส 4/56 ยังไม่เห็นสัญญาณปรับขึ้น
"ราคาถ่านหินช่วงไตรมาส 3 ไม่น่าตกลงจาก 78 ดอลลาร์ ดูจากดีมานด์-ซัพพลาย หรือ 75 ดอลลาร์ น่าจะรับได้ ส่วนไตรมาส 4 ยังไม่ชัดเจนว่าจะฟื้น เพราะซัพพลายยังเยอะ ชัดเจนว่าทุกคนคิดว่าไม่ขึ้น เพราะลูกค้าไม่ล็อกราคา แต่ขอไปตามราคาอินเด็กซ์ จึงมองถ้าราคาจะฟื้นน่าจะเป็นปี 57"นายสีหศักดิ์ กล่าว
นายสีหศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า ในปีนี้บริษัทตัดงบลงทุนซื้อเหมืองใหม่เหลือ 18 ล้านเหรียญฯ จากเดิมตั้งไว้ 50 ล้านเหรียญฯ เนื่องจากยกเลิกการเจรจาซื้อเหมืองใหม่ไป 1 แห่ง มูลค่าราว 33 ล้านเหรียญฯ โดยเลือกเจรจาเพียงเหมืองเดียวที่มีปริมาณสำรองกว่า 10 ล้านตัน มูลค่าไม่เกิน 20 ล้านเหรียญฯ เนื่องจากเป็นเหมืองที่มีปริมาณสำรองและเจาะหลุมไปแล้ว 60-70% โดยเป็นเหมืองที่ผลิตมาแล้ว 4 ปีและหยุดผลิตไป จากเดิมที่มองแต่เหมืองใหม่(green field)
ทั้งนี้ คาดว่าการเจรจาซื้อเหมืองถ่านหินดังกล่าวจะได้ข้อสรุปลายปีนี้ หรือหากเลื่อนไปก็คงไม่เกินเดือน ม.ค.57 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาสัดส่วนการถือหุ้น
"ที่มองเหมืองแห่งนี้เพราะถ่านคุณภาพดีกว่า ส่วนเหมืองเดิมก็ยกเลิกข้อตกลงไป"
สำหรับธุรกิจเอทานอลในครึ่งปีแรกทำรายได้ราว 810 ล้านบาท จากราคาขาย 23 บาท/ลิตร แต่ครึ่งปีหลังรายได้อาจลดลง แม้ราคาขายจะสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้น โดยราคาขายไตรมาส 3/56 อยู่ที่ 25 บาท/ลิตร และไตรมาส 4/56 น่าจะอยู่ที่ราว 26 บาท/ลิตร
ส่วน บมจ.ไทยอะโกร เอ็นเนอร์ยี่ (TAE) ที่ LANNA ถือหุ้น 75.75% คาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้ในเดือนต.ค.นี้ เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป(IPO) และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ราวเดือนก.พ.57 เพื่อระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจ downstream