บริษัทคาดว่าจะสามารถจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาดประมาณ 4.5 พันล้านบาทราวไตรมาส 4/56 และเตรียมแผนลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก(SPP)จำนวน 7-8 โรงในช่วง 3-5 ปีจากนี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 2.8-3.0 พันล้านบาท
นายเผ่าพิทยา สมุทรกลิน ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผน และนักลงทุนสัมพันธ์ HEMRAJ เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับเป้าเพิ่มเป้ายอดขายที่ดินในปีนี้เป็นครั้งที่ 2 มาที่ 2,100 ไร่ จากที่เคยปรับมาเป็น 1,800 ไร่ในช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา จากเดิมเมื่อต้นปีคาดไว้ 1,600 ไร่ หลังจากครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ราว 1,190 ไร่
เนื่องจากผู้ประกอบการจากต่างประเทศยังมีความต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ทำให้ครึ่งปีแรกยอดขายที่ดินของบริษัทเติบโต 40-45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนลูกค้าจากญี่ปุ่น 40% และลูกค้าที่มีแน้วโน้มเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีนและออสเตรเลีย
ขณะที่สิ้นไตรมาส 2/56 บริษัทมี Backlog มูลค่าราว 3.2 พันล้านาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ราว 50% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 57 และบริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 40% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท
ส่วนแผนการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ บริษัทคาดว่าจะสามารถจัดตั้งได้ภายในไตรมาส 4/56 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินและพิจารณารายละเอียดต่างๆ ของเอกสาร โดยบริษัทมีแผนนำพื้นที่โรงงานให้เช่าประมาณ 150,000 ตารางเมตรขายเข้าเป็นสินทรัพย์ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าราว 4.5 พันล้านบาท
"การจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ตอนี้เราพูดคยกับที่ปรึกษาทาการเงินและดูรายละเอียดของเอกสาร คาดว่าจะจัดตั้งได้ในช่วงไตรมาส 4/56 ประมาณต.ค.นี้คงได้ข้อสรุป เราจะนำพื้นที่โรงงานให้เช่า 150,000 ตารางเมตรขายเข้ากองทุน มูลค่าที่ประเมินไว้ก็ 4.5 พันล้านบาทบวกลบ กำไรที่ได้จากการขายสินทรัพย์ก็จะบันทึกในไตรมาส 4/56 ได้เลย ส่วนเงินที่เราได้จะนำไปแบ่งเป็น 3 ส่วน ใช้สำหรับขยายธุรกิจโรงงานให้เช่ามากขึ้น ส่วนที่ 2 เราจะนำไปลดภาระหนี้ ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง และจะนำไปใช้เป็นเงินฉุกเฉิน"นายเผ่าพิทยา กล่าว
บริษัทมีแผนการลงทุนในโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ขนาด 126 MW เพิ่ม 7-8 โรง ภายใน 3-5 ปี ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ขนาด 126 MW อยู่แล้ว 1 โรง ที่ จ.ระยอง โดยเป็นการร่วมทุนกับ บ.กัลฟ์ เจพี ซึ่งบริษัทมีแผนจะเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งสัดส่วนประมาณ 25% โดยใช้เงินลงทุนราว 380-400 ล้านบาท/โรง และภายใน 3-5 ปีจะใช้เงินลงทุนรวมราว 2.8-3 พันล้านบาท
สำหรับปีนี้บริษัทคงงบลงทุนไว้ที่ 8 พันล้านบาทสำหรับการพัฒนาในทุกธุรกิจของบริษัท ซึ่งจะมีการเปิดนิคมแห่งที่ 7 คือ “นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี 2" เพื่อรองรับการขยายตัวของการลงทุนในประเทศในอนาคต
“เรายังไม่มีการลดงบลงทุนหลังจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศจะชะลอตัว เนื่องจากการลงทุนยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศและธุรกิจส่งออก การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเป็นแค่ช่วงสั้นเดี๋ยวก็กลับมาได้ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงก็ยังเอื้อกับภาคการส่งออก ส่วนแผนการลงทุนในปีหน้าก็รอดูสถานการณ์อีกที ถ้าเศรษฐกิจถดถอยมากๆเราก็อาจจะมีการปรับลดสัดส่วนงบลงทุนในบางธุรกิจลง"นายเผ่าพิทยา กล่าว