ทั้งนี้ ผู้บริหารยังคงมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทและยังเล็งเห็นถึงอนาคตธุรกิจที่จะขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากเป็นตัวแทนจำหน่ายสายไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งเติบโตตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจก่อสร้าง รวมทั้งการให้บริการติดตั้งเสาโทรคมนาคมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
“ผมเชื่อมั่นว่าปัจจัยพื้นฐานของ CSS มีความแข็งแกร่ง เรายังมั่นใจว่าปีนี้จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของรายได้และกำไรสุทธิ โดยในส่วนของรายได้รวมในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2555 ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโทรคมนาคมภายในประเทศ และในอนาคตจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทได้รับเงินจากการระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจ"นายสมพงษ์ กล่าวในที่สุด
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CSS กล่าวยืนยันว่า การซื้อขายหุ้น CSS ในวันนี้ ถือว่าไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท จึงอยากให้นักลงทุนพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานของ CSS ว่าเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งและพร้อมที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต โดยเป็นหนึ่งในผู้นำการจัดจำหน่ายสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบงานไฟฟ้าจากผู้ผลิตชั้นนำระดับสากลแบบครบวงจร
นอกจากนี้ CSS ยังเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบงานโทรคมนาคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการออกแบบและติดตั้งเสาโทรคมนาคมและติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อรองรับการขยายโครงข่ายบริการ 3G ของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกเครือข่าย จึงถือว่าเป็นบริษัทฯ ที่มีศักยภาพในการเติบโตที่โดดเด่นอย่างมาก
ขณะเดียวกันขอยืนยันว่าการตั้งราคาเสนอขายไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่เหมาะสม โดยให้ส่วนลดกับนักลงทุนถึง 49.80%เมื่อเปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของหมวดพาณิชย์และบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจที่ใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจของบริษัท ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งอยู่ที่ 26.65 เท่า
ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดว่า CSS จะมีกำไรสุทธิสำหรับปี 56-58 โตเฉลี่ย 16%จากการสนับสนุนของธุรกิจวางระบบโทรคมนาคมที่มีแนวโน้มเติบโตสูงและสร้างอัตรากำไรขั้นต้นให้กับบริษัทได้สูงขณะที่ธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าจะมียอดขายที่มั่นคงและแน่นอน พร้อมกันนี้ประเมินราคาเป้าหมายของ CSS ไว้ที่ 4.30 บาทต่อหุ้น และถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจลงทุนเนื่องจากเล็งเห็นการเติบโตตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อรองรับระบบโครงข่ายของผู้ประกอบการมือถือในอนาคต ขณะเดียวกันก็มีฐานรายได้ที่แข็งแกร่งจากธุรกิจจัดจำหน่ายไฟฟ้า และภายหลังการเพิ่มทุนทำให้มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า 0.15 เท่า