"บริษัทเน้นรับงานที่รับเฉพาะค่าแรงอย่างเดียว โดยสัดส่วนงานในปัจจุบันอยู่ที่ รับค่าแรงอย่างเดียว 80% และส่วนที่ค่าแรงรวมวัสดุด้วยอยู่ที่ 20% เพราะงานที่รับค่าแรงอย่างเดียวมีกำไรสูงกว่า"นายณรงค์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีงานอยู่ในมือ (Blacklog)แล้วกว่า 1,247 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 56 ประมาณ 804 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะไปรับรู้ฯในปี 57 ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานใหม่มูลค่าหลายร้อยล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/56
นายณรงค์ มองว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจของ SEAFCO ในปี 57 ยังจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัว แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบกับบริษัทฯ เนื่องจากรัฐบาลจะต้องเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ต่อไป
นายณรงค์ ยังกล่าวต่อว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมการเปิดบริษัทลูกในประเทศพม่าภายในเดือน ก.ย. นี้ ภายใต้ชื่อ บริษัท ซีฟโก้ เมียนมา โดย SEAFCO จะเข้าถือหุ้น 99.99% และมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท เพื่อบริหารจัดการรับงานในประเทศพม่า ซึ่งปัจจุบันได้รับมาแล้ว 1 โครงการ มูลค่างานประมาณ 160 ล้านบาท อยู่ระหว่างเตรียมอุปกรณ์ต่างๆเพื่อเริ่มดำเนินงานช่วงปลายปีนี้ ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างการเตรียมเข้าประมูลงานเพิ่มอีก 3-5 โครงการ