ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วงปี 56-58
"เรายังมั่นใจว่ายอดขายและรายได้ยังเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ครึ่งปีแรกเราก็ทำยอดขายไปแล้วมากกว่า 3.5 พันล้านบาท ครึ่งปีหลังเป็นไปตามเป้า เพราะภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังจะมีอัตราการเติบโต 10-20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากที่ภาวะตลาดหุ้นมีความผันผวน ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศหันมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยยังคงเน้นอสังหาริมทรัพย์แนวดิ่งที่เกาะแนวรถไฟฟ้า ประกอบกับกำลังซื้อก็ยังมีมากและคนมองว่าการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ก็ยังเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ จึงเชื่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงไม่มีผลกระทบต่อบริษัท"นายกิตติ กล่าว
ในครึ่งหลังของปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 1 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 1 พันล้านบาท หลังจากที่เปิดไปแล้ว 3 โครงการ มูลค่าราวรวม 6.3 พันล้านบาท ซึ่งทั้งปี 56 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 4 โครงการ มูลค่ารวม 7-7.5 พันล้านบาท
ล่าสุด โครงการคอนโดมีเนียม โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 ซึ่งเปิดขายช่วงไตรมาส 3/56 เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในทำเลรัชดา ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของกรุงเทพฯ และมีทางเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รูปแบบเน้นโครงการขนาดเล็ก พื้นที่ตั้งแต่ 22-50 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 2.6 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 2.8 พันล้านบาท และเปิดลงทะเบียนรับสิทธิจองตั้งแต่วันที่ 14-26 ก.ย.และเปิดจองวันที่ 29 ก.ย.56 พร้อมตั้งเป้าปิดการขายโครงการได้ภายในวันแรก
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในช่วงที่เหลือของปีจะเน้นการประชาสัมพันธ์ทางสื่อออนไลน์ เพื่อสอดรับกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นคนรุ่นใหม่ โดยมีสัดส่วนงบการประชาสัมพันธ์ออนไลน์สูงถึง 30% ของงบการตลาดทั้งหมดเฉพาะโครงการล่าสุด 30 ล้านบาท
ส่วนความกังวลถึงภาวะหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นนั้น เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ แต่บริษัทมองว่ากลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะโครงการของ NOBLE ที่มีเกณฑ์การคัดเลือกคุณภาพลูกค้า ผ่านการวางเงินดาวน์จำนวน 15% ในแต่ละโครงการ เพื่อป้องกันการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคาร