"การที่เรารับงานที่เป็นเฉพาะค่าแรงไม่รวมวัสดุก่อสร้างมากขึ้น ทำให้อัตรากำไรขึ้นต้นและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากงานที่เป็นเฉพาะแรงงานนั้นมีมาร์จิ้นที่สูงกว่า และไม่ต้องแบกรับภาระค่าวัสดุก่อสร้างที่มีความผันผวน ในปีนี้มีงานเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้กำไรสุทธิปีนี้จะสูงทำสถิติใหม่ และครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเราทำได้เกือบเท่าสถิติที่เคยทำไว้ 70 กว่าล้านบาทแล้ว"นายบดินทร์ กล่าว
บริษัทอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานใหม่มูลค่า 1.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นงานก่อสร้าง 500 ล้านบาท และงานฐานราก 700 ล้านบาท บริษัทคาดว่าจะชนะการประมูลงานในครั้งนี้ประมาณ 25% ของมูลค่างานทั้งหมด ขณะที่เชื่อมั่นว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้มาที่ไม่ต่ำกว่า 1.2 พันล้านบาท จากปี 55 ที่มีรายได้ 1,094 ล้านบาท เนื่องจากมองแนวโน้มครึ่งปีหลังยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานฐานราก รวมถึงงานค่าแรงที่มีระดับอัตรากำไรสูง โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(backlog)แล้ว 1.1 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 70% ส่วนที่เหลือรับรู้ในปี 57
ทั้งนี้ แนวโน้มรายได้บริษัทฯในไตรมาส 3 จะออกมาเติบโตมากกว่าไตรมาส 2/56 ที่มีรายได้ 337 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จาก backlog มูลค่าประมาณ 410 ล้านบาท
นายบดินทร์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมความพร้อมการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน (AEC) ในปี 58 และเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ในขณะเดียวกัน มองว่าการที่หน่วยงานทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐบาล และเอกชน เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ AEC ที่จะเกิดขึ้นนั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการลงทุนโครงการต่างๆ ในประเทศเพิ่มขึ้น และจะสนับสนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศคึกคัก ซึ่งเป็นอีกโอกาสสำคัญของธุรกิจงานก่อสร้างและงานเสาเข็มเจาะให้มีแนวโน้มเติบโตที่ดีตามไปด้วย