ในปีนี้บริษัทยังคงเป้ายอดขายที่ 9,000 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,867 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 4,242 ล้านบาท และในปี 57 บริษัทเชื่อว่าผลประกอบการจะกลับสู่ภาวะปกติ หลังจากปีนี้ลงทุนจบไปแล้วที่ 1,200 ล้านบาทในการซื้อเครื่องจักรมาทดแทนและติดตั้งเสร็จตั้งแต่ไตรมาส 1/56 ทำให้ตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้ไม่ต้องลงทุนเพิ่มและเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
นายพลศักดิ์ กล่าวอีกว่า การที่บริษัทเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตด้วยการหันมาเน้นผลิต IC มากขึ้น ทำให้บริษัทสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 150 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยปลายปีนี้สัดส่วนรายได้จาก IC จะเพิ่มเข้าใกล้ 60% จากเดิมอยู่ที่ 40-50% ขณะที่ชิ้นสวน MMA จะลดลงจาก 50% ปัจจุบันได้ใช้เครื่องจักรผลิตงานตามที่ลูกค้าต้องการกว่า 50% ของกำลังผลิตไปแล้ว
บริษัทมองว่าความต้องการ IC จะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และจะไปสร้างผลดีให้กับบริษัทอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 57 โดยมีตัวแปรที่คัญคือดีมานด์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในตลาด ทั้งจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) และการเปลี่ยนเทคโนโลยีเข้าสู่ยุคทีวีดิจิตอลทีวีจากระบบอะนาล็อก ทำให้มีความต้องการ IC เพิ่มขึ้นทั้งเพื่อการผลิตจอทีวีรุ่นใหม่ จูนเนอร์ บิวท์อิน ระบบดีวีบี-ที 2 และอุปกรณ์กล่องรับสัญญาณ(set top box)
"ล้วนเป็นดีมานด์ใหม่เกิดขึ้น ทุกสิ่งอย่างก็จะตามมา ซึ่งไทยตั้งเป้า 5 ปี 22 ล้านครัวเรือนจะมีทีวีดิจิตอล ก็จะต้องทยอยเปลี่ยนเครื่องทีวี ปีแรกหวัง 50% หรือราว 10 กว่าล้านเครื่อง จะส่งผลดีต่อ IC ที่จะต้องใช้เยอะ ปี 57 น่าจะขายดีมากเราก็จะได้ออร์เดอร์จากลูกค้าทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตอนนี้สัญญาณเริ่มมาแล้วแม้เศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดี เพราะประเทศไทยเป็นแหล่งผลิต IC และ set top box เครื่องทีวีก็ต้องผลิตในไทย"นายพลศักดิ์ กล่าว
ส่วนธุรกิจการผลิตฉลากอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะนั้น นายพลศักดิ์ กล่าวว่า การหาลูกค้าต้องใช้เวลา รายได้เพิ่งเข้ามาปีหน้า(57)น่าจะเห็นตัวเลขชัดเจนมากขึ้น
"ภายใน 3 ปีนี้ เป้าหมายยังไม่เปลี่ยน ปกติตลาดผันผวนมองแค่ชั่วคราว สิ่งที่เตรียมไว้เป็นไปตามแผนทั้งหมด มาถึงวันนี้ไม่เปลี่ยนธุรกิจยังเดินตามแผน ยังไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ"นายพลศักดิ์ กล่าว