อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทย ตลอดจนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และฐานะทางการเงินที่ดี ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลประกอบการที่แข็งแกร่งและระดับการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในขณะที่มีการขยายสาขา
HMPRO เป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ “โฮมโปร" ปัจจุบันผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วย บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) (30.22%) และ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์(QH) (19.78%) บริษัทจำหน่ายสินค้าและให้บริการเกี่ยวกับบ้านแบบครบวงจร อาทิ อุปกรณ์ปรับปรุงและซ่อมแซมบ้าน อุปกรณ์ห้องน้ำและเครื่องสุขภัณฑ์ เครื่องใช้ในครัว และเครื่องตกแต่งบ้าน ตั้งแต่ปี 53 เป็นต้นมา บริษัทประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจด้วยการเปิดสาขาใหม่โดยเฉลี่ย 6 แห่งต่อปี ทั้งนี้ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมานิยมศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่เป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายสาขาของบริษัท
ณ เดือนกรกฎาคม 2556 บริษัทเป็นเจ้าของและบริหารสาขารวมทั้งสิ้น 57 แห่ง โดย 20 สาขาอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และอีก 37 สาขาอยู่ในต่างจังหวัด ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทเปิดสาขาทั้งหมด 4 แห่ง โดยทั้งหมดอยู่ในต่างจังหวัด เมื่อรวมทุกสาขาแล้ว บริษัทมีพื้นที่ขายทั้งหมดประมาณ 400,700 ตารางเมตร (ตร.ม.) และมีพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าอีก 102,400 ตร.ม. การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทสามารถสร้างฐานธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการขยายสาขาในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าในต่างจังหวัด
บริษัทจัดตั้งบริษัทย่อยคือ บริษัท เมกาโฮม เซ็นเตอร์ จำกัด ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท เมกาโฮมดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งวัสดุก่อสร้าง สินค้างานระบบ วัสดุอุปกรณ์ตกแต่งและซ่อมแซม และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับเหมา เจ้าของโครงการ และร้านค้ารายย่อย บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาแรกของเมกาโฮมที่อำเภอรังสิต จังหวัดปทุมธานี และสาขาแห่งที่ 2 ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตากในไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 โดยแต่ละสาขามีพื้นที่ประมาณ 12,000-18,000 ตร.ม.
ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 28,363 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 34,542 ล้านบาทในปี 2555ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 19,174 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 17.1% จากช่วงเดียวกันของปี 2555 ทั้งนี้ การเติบโตของยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 เป็นผลจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงการปรับปรุงรายการสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และการขยายสาขาใหม่ โดยยอดขายจากสาขาเดิมของบริษัทมีอัตราการเติบโต 3.1% อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทที่เพิ่มขึ้นจาก 26.0% ในปี 2555 เป็น 26.6% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นจากสินค้าที่เป็นตราสัญลักษณ์เฉพาะของบริษัท โดยสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 19.5% ของยอดขายในปี 2555 เป็น 20.3% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556
ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2,644 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 3,993 ล้านบาทในปี 2555 และเป็น 2,259 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีสภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ดีจากการบริหารเงินสดที่มีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าเงินกู้รวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจาก 3,012 ล้านบาทในเดือนธันวาคมปี 2554 เป็น 5,969 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2556 แต่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยอยู่ที่ระดับ 58.8% ในปี 2555 และ 31.8% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556