สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB236A, LB176A และ LB145B (รุ่นอายุ 9.8 ปี, 3.8 ปี และ 0.7 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,433 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC21OA) มูลค่า 442.0 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY142B) มูลค่า 251.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (RG149A) มูลค่า 204.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 898.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.7% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 12,175 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,105 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,538 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.73% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.02%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-5 bps. โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่น Benchmark อายุ 10 ปี ที่ประมูลวันนี้ จำหน่ายได้เพียง 8,730 ล้านบาท จากวงเงินประมูล 12,500 ล้านบาท โดยตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับ ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมามีแนวโน้มในเชิงบวก ซึ่งส่งผลให้อาจจะมีการปรับลดขนาดมาตรการ QE ลง สำหรับนักลงทุนต่างชาติมี ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 3,538 ล้านบาท