พร้อมกันนั้น ยังศึกษาการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน(Infrastructure Fund)ภายในไตรมาส 2-ไตรมาส 3/57 เพื่อลงทุนในธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยคาดว่าจะมีขนาดราว 2-3 พันล้านบาท เบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะร่วมกับพันธมิตรเริ่มทำโครงการโซลาร์รูฟขนาดราว 30-50 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนราว 500-800 ล้านบาท จ่ายไฟฟ้าได้ภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนั้น ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเพื่อทำบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น(MOU)สำหรับการลงทุนตั้งคลังสินค้าในประเทศพม่า คาดว่าจะสรุปได้ภายในปีหน้า จากนั้นจะขยายไปยังประเทศฟิลิปปินส์เป็นอันดับต่อไป
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรมมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโต 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่มีรายได้ 2.21 พันล้านบาท เนื่องจากปีนี้มีลูกค้าเข้ามาจำนวนมาก ประกอบกับได้มีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรก
แผนงานช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงเดินหน้าขยายพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงโรงงานระดับพรีเมียมเพิ่มอีก 330,000 ตารางเมตร โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4,800 ล้านบาท พร้อมทั้งขยายพื้นที่การพัฒนาไปในโซนที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ตามหัวเมืองแต่ละภาค ถือเป็นการขยายโอกาสเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการตกลงรายละเอียดของลูกค้า
ขณะที่ช่วงไตรมาส 4/56 บริษัทมีแผนจะขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ ในการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 มูลค่า 4,400-4,700 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ขนาดกองทุนเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมปรับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ มาเป็นกอง REIT หลังจากมีความชัดเจนของหลักเกณฑ์
ส่วนจากการร่วมมือกับบมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL)และบมจ.เอพีซีจี(SPCG)เพื่อดำเนินโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา(Solar Roof)อยู่ระหว่างเตรียมขอการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) คาดหวังกำลังการผลิตอยู่ที่ 30-50 เมกะวัตต์ โดยประเมินงบลงทุนที่ 500-800 ล้านบาท บริษัทคาดว่าจะสามารถขายไฟฟ้าได้ภายในสิ้นปีนี้และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 1 ม.ค.57
"สำหรับการร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งให้บริษัทมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่หลังคาคลังสินค้า รวมทั้งโรงงาน รวมแล้วกว่า 8 แสนตารางเมตร และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1 ล้านตารางเมตรภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน รวมถึงโครงการ Solar Roof ยังทำให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้น"นายแพทย์ สมยศ กล่าว
ทั้งนี้ หากแผนการลงทุนดังกล่าวสำเร็จ บริษัทฯก็มีโอกาสที่จะตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ในช่วงไตรมาส 2-ไตรมาส 3 ในปี 57 มูลค่าเบื้องต้น ประมาณ 2-3 พันล้านบาท ซึ่งหากการระดมทุนทั้งหมดเป็นไปตามแผนจะสามารถทำให้บริษัทมีต้นทุนการกู้เงินถูกกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปัจจุบันบริษัทมีภาระอยู่ที่ 5.1% ได้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ มูลค่า 3,200 ล้านบาท อายุ 3-5 ปี ภายในเดือนก.ย.นี้ เสนอขายให้นักลงทุนสถาบัน เพื่อนำไปใช้คืนหนี้ และลงทุนร่วมกับพันธมิตรในโครงการ Solar Roof
นายแพทย์สมยศ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเพื่อทำ MOU ในการลงทุนสร้างคลังสินค้าประเภท Built to suit ในพม่า คาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในปีหน้า และมองไปถึงการลงทุนในลักษณะนี้ที่ประเทศพิลิปปินส์ต่อไปอีกด้วย