กองทุนดังกล่าวเน้นการลงทุนในหุ้นกู้ชั้นนำของบริษัทในประเทศไทย โดยเบื้องต้นจะลงทุนในหุ้นกู้ของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น(WHA) (A-/Fitch) , หุ้นกู้ของธนาคารเกียรตินาคิน (A-/TRIS), หุ้นกู้ของบมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON) (A/TRIS), หุ้นกู้ของบมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) (A-/TRIS) อีกทั้งมีการลงทุนในหุ้นกู้ของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ, สาขาฮ่องกง ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ระดับสากลจาก Moody’s ที่ระดับ A3 พร้อมทั้งมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
ที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย ได้รับการตอบรับที่ดีจากการเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ 43 เดือน โดยได้มีการปิดการขายก่อนครบกำหนดวัน IPO ซึ่งมีมูลค่ารวมที่เสนอขายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่ากองทุนตราสารหนี้ 48 เดือนจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน เพราะยังมีปริมาณผลตอบแทนที่น่าสนใจหากเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของเงินฝากในช่วงเวลาเดียวกัน อีกทั้งในช่วงนี้ สถานการณ์ของตลาดหุ้นขาดเสถียรภาพ เพราะนักลงทุนยังหวั่นกับเรื่องของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารกลางสหรัฐฯ บวกกับสถานการณ์ทางการเมืองในซีเรีย ซึ่งล้วนส่งผลกระทบทำให้ภาวะตลาดหุ้นมีความผันผวน ดังนั้นการลงทุนในตราสารหนี้ก็ยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ และสามารถตอบโจทย์ให้กับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางถึงต่ำ