ทั้งนี้ รายได้ที่เติบโตลดลง เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ซึ่งเป็นลูกค้าหลัก เติบโตจากปีก่อนเพียงเล็กน้อย โดยบรรจจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเติบโตพียง 4% เท่านั้น ส่วนชิ้นส่วนยานยนตร์ติดลบ ดังนั้น การที่บริษัทรับงานที่เป็นปลายโมเดลจึงมีคำสั่งซื้อลดลง รวมถึงบรรจุภัณฑ์นมเติบโตเพียง 11% จากปีก่อนเติบโตถึง 20%
อย่างไรก็ตาม หากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ก็คาดว่าในปีหน้ารายได้ของบริษัทจะฟื้นตัวขึ้นมาเติบโตได้ราว 10-15% ประกอบกับ บริษัทจะมีงานโมเดลชิ้นส่วนยานยนต์ที่ได้รับมาใหม่ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ล็อตแรก 50 ล้านบาทในช่วงกลางปี 57 และในปี 58 จะรับรู้ฯอีก 200 ล้านบาท
“ที่จริงแล้วธุรกิจเราปีนี้ไม่ค่อยหวือหวามากนักต้องรอดูปีหน้า ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว บวกกับ GDP ที่ปรับลดลง จำนวนรถยนตร์ก็ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ดูได้จากตัวเลขส่งออก 6 เดือนแรก ลดลงประมาณ 1% จากปีที่แล้วเติบโต 83% ครึ่งปีหลังมองว่าแนวโน้มก็จะเป็นไปในลักษณะนี้ แต่ถือว่าบริษัทยังคงมีศักยภาพที่ดีโดยจะมีลูกค้ารายใหม่ๆเข้ามาที่จะช่วยผลักดันให้รายได้เติบโตได้ตามเป้าหมาย"นายวิวรรธน์ กล่าว
สำหรับเป้าหมายใหม่ที่คาดการณ์ไว้นั้น สิ่งที่จะผลักดันให้รายได้เติบโตได้ตามเป้าจะมาจากภาคอุปโภคและบริโภคที่ยังเติบโต 20% และสินค้าเคมีเกษตรเติบโต 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกเกษตรกรมีความต้องการใช้สารเคมีอย่างมาก เพื่อเร่งให้พืชผลทางการเกษตรเติบโต
ส่วนกำไรสุทธิจะลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 202 ล้านบาทนั้น นายวิวรรธน์ กล่าวว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากการลงทุนโรงพ่นสี 300 ล้านบาทก่อสร้างแล้วเสร็จล่าช้าออกไปจากกำหนดจากเดิมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนนี้ แต่คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตได้ในเดือน พ.ย.56 ส่งผลให้ออเดอร์ที่เข้ามาลดลงและกำลังการผลิตลดลงจากคาด
ขณะที่สัดส่วนรายได้จากประเทศจีนในปีนี้มียอดขายในช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 50% และทั้งปีก็น่าจะเติบโตได้ในระดับ 40-50% จากปีก่อนมีรายได้ 120 ล้านบาท โดยมาจากยอดขายบรรจุภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ได้รับออดเดอร์ใหม่เข้ามาต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทได้มีการต่อสัญญากับบบริษัท เชฟรอน ที่ประเทศจีน ในการผลิตบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นต่อไปอีก 3 ปี