ส่วนทั้งปี 56 คาดว่ารายได้จะออกมาใกล้เคียงปีก่อนที่ 2.9 แสนล้านบาท ภายใต้กำลังการกลั่น 1.8 แสนบาร์เรล/วัน และไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ดังนั้น ผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไร จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนกว่า 900 ล้านบาท
"ในช่วงครึ่งปีหลัง IRPC มี upside หลายเรื่อง ข้อแรกมาจากธุรกิจปิโตรเคมีดี ความต้องการของจีนยังมีต่อเนื่อง ... มั่นใจปีนี้มีกำไรได้"นายอธิคม กล่าว
นายอธิคม คาดว่า แนวโน้มรายได้และกำไรในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้จะดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีผลขาดทุน 1,005.64 ล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์(สเปรด)ปิโตรเคมีทั้งในโพพิลีน โพลีเอทิลีน และสไตรีนปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการจากจีนและสหรัฐที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว แม้ว่าธุรกิจโรงกลั่นยังไม่ดี แต่บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเตาไว้แล้ว จึงจะได้รับผลกระทบไม่มาก โดยบริษัทคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 105-107 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากครึ่งปีแรกเฉลี่ยอยู่ที่ 104 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยวันนี้อยู่ที่ 110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับธุรกิจปิโตรเคมีมีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)ดีขึ้น ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นยังไม่ดี และกำลังการผลิตสไตรีนเพิ่มเป็น 2.6 แสนตัน จาก 2 แสนตัน ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและมาร์จิ้นสูงขึ้น โดยสไตรีนเป็นสินค้ามูลค่าเพิ่มจากเอทิลีน นอกจากนี้ ในเดือน ต.ค.นี้บริษัทจะเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันในประเทศเป็น 2 หมื่นบาร์เรล/วัน จากปัจจุบัน 6-7 พันบาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้มาร์จิ้นดีขึ้นด้วย
รวมทั้ง IRPC จะมีรายได้พิเศษจากการขายที่ดินเปล่าใน จ.ระยอง ประมาณ 1 พันล้านบาท โดยที่ดินเหล่านี้ได้ตั้งสำรองด้อยค่าแล้ว เมื่อขายออกไปก็จะบันทึกส่วนต่างเป็นกำไร
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า GRM ทั้งปี 56 จะทำได้ตามเป้าที่ 7-8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
"เราคิดว่าไตรมาส 3/56 น่าจะเป็นบวก มีแนวโน้มดีกว่าไตรมาส 3/55 "นายอธิคม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3/56 อาจมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะจากการที่บริษัทมีหนี้สกุลเหรียญสหรัฐ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่บริษัทก็มีรายได้ส่วนหนึ่งเป็นเงินเหรียญสหรัฐด้วย