GL ปรับเป้ายอดสินเชื่อคงค้างปีนี้เพิ่มเป็น 5.8 พันลบ.รุกขยายลาว-อินโดฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 5, 2013 17:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส(GL)เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้ายอดสินเชื่อคงค้างในปีนี้เพิ่มเป็น 5.8 พันล้านบาท จากเดิมที่ 5.3 พันล้านบาท หลังจากผนึกความร่วมมือกับบริษัท สยามคูโบต้า จำกัด เพื่อรุกปล่อยสินเชื่อเครื่องจักรกลเกษตรในประเทศกัมพูชา โดยจะเริ่มปล่อยสินเชื่อได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.56 และคาดว่าจะทำให้กำไรสุทธิในปีนี้ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง

“คาดว่าสยามคูโบต้าจะมียอดขายเครื่องจักรกลทางการเกษตรในประเทศกัมพูชาช่วงไตรมาส 4 นี้ราว 1 พันล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับส่วนแบ่งที่เป็นสินเชื่อเข้ามาราว 500 ล้านบาทในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยสัดส่วนสินเชื่อคงค้างแบ่งเป็นจากประเทศไทย 4.8 พันล้านบาท และประเทศกัมพูชา 1 พันล้านบาท"นายโคโนชิตะ กล่าว

อนึ่ง ในปี 55 GL มีกำไรสุทธิ 364 ล้านบาท

นายโคโนชิตะ กล่าวว่า การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศส่งผลต่อพอร์ตสินเชื่อของบริษัทให้เติบโตขึ้น และการขยายธุรกิจในกัมพูชาทำให้มีการรับรู้รายได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทคาดว่ายอดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ปีนี้จะอยู่ที่ 10,000-12,000 คัน/เดือน ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปีก่อนหน้าที่ 6,000-7,000 คัน/เดือน แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะชะลอตัว แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก0 เนื่องจากความต้องการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ส่วนปัญหาหนี้เสียก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจและไม่สูงมากนัก ซึ่งบริษัทได้มีการเพิ่มมาตรการในการคัดเลือกลูกค้ามากขึ้น ประกอบกับควบคุมการปล่อยสินเชื่อและเพิ่มวงเงินดาวน์จึงทำให้หนี้เสียอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยปกติ

สำหรับปี 57 บริษัทมีแผนขยายธุรกิจการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนตืในประเทศลาว ในลักษณะที่เป็นผู้ให้บริการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ให้กับค่ายฮอนด้า ขณะเดียวกันบริษัทได้เล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยขณะนี้สนใจเข้าไปทำธุรกิจในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งมีการเจรจาในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่มีข้อสรุป

นายโคโนชิตะ กล่าวว่า บริษัทวางเป้าหมาย 5 ปีจากนี้ (ปี 57-61)จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 70% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% และสัดส่วนรายได้ในประเทศลดลงเป็น 20-30% จากปัจจบันอยู่ที่ 90% โดยมองว่าการทำธุรกิจผู้ให้บริการสินเชื่อในต่างประเทศมีโอกาสมากกว่าและเป็นตลาดที่ใหญ่กว่าประเทศไทย รายได้จากต่างประเทศในอนาคตจะเป็นรายได้หลักของบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ