สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB236A (รุ่นอายุ 3.8 ปี, 5.8 ปี และ 9.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 4,194 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY142B) มูลค่า 425.8 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC21OA) มูลค่า 136.9 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) (TTW142A) มูลค่า 111.1 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 673.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 11,238 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,937 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -438 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.76% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.03%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสาร อายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 2-5 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury โดยนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่มีสัญญาณชะลอตัว และติดตามการทบทวน GDP ที่จะนำเข้าสู่ การประชุม กนง.ในเดือน ต.ค.นี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 438 ล้านบาท