สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB155A และ LB145B (รุ่นอายุ 3.8 ปี, 1.7 ปี และ 0.7 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,615 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (MBTH157A) มูลค่า 159.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัทโตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT158A) มูลค่า 100.2 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัทโตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT168A) มูลค่า 69.9 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 329.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.0% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 11,846 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,869 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,311 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.76% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 1 bp. โดยล่าสุด ECB มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมที่ 0.5% ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมา โดยเฉพาะตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับลดลง และตัวเลขการจ้างงานปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดคาดว่า FED อาจปรับลดขนาดของมาตรการ QE ในการประชุมกลางเดือนนี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 1,311 ล้านบาท