ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงมาอยู่ที่ 20% กว่า จากก่อนหน้านี้สูงถึง 60-70% เพราะมีรายได้ด้านอื่นๆเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มบริหารจัดการสินทรัพย์ 12-13% และงานด้านวาณิชธนกิจ ที่ปีนี้มีการปรับตัวดีขึ้น มาอยู่ที่ 8-9% และคาดว่าปีหน้าจะเข้ามามากกว่านี้ จากขณะนี้ยังมีงานที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกหลายราย และทั้งปีที่มีงานที่ปรึกษาทางการเงินในการออกตราสารหนี้ทั้งหมดกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท
นายก้องเกียรติ กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยที่ดัชนีปรับตัวลดลงไปถึงจุดต่ำสุดที่ประมาณ 1,300 จุดนั้นเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่ดัชนีปรับตัวขึ้นไปที่ 1,400-1,500 จุดทำให้ราคาหุ้นแพงเกินไป หากดูจากค่า PE ปัจจุบันเป็นช่วงที่เหมาะสมในการเข้าซื้อ เพราะมีหุ้นหลายตัวที่ราคาถูกและมีโอกาสในการที่จะเข้าซื้อสะสมเพื่อลงทุนได้ แต่ต้องติดตามการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการบริหารจัดการน้ำ หากเกิดขึ้นได้ก็จะทำให้ประเทศมีการเติบโตในระยะยาวและยั่งยืน รวมทั้งต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจเกิดความวุ่นวายในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนสถานการณ์ในซีเรีย และการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE)ของสหรัฐ มองว่า ตลาดหุ้นไทยได้ตอบรับปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว และหากมีการชะลอมาตรการ QE ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจทั่วโลกในระยะยาว
นายก้องเกียรติ แนะนำว่า นักลงทุนควรมีการจัดพอร์ตการลงทุนให้หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะตลาดที่ผันผวน และมองว่าการลงทุนนั้นควรลงทุนในช่วงที่หุ้นลงไม่ใช่ช่วงเวลาที่หุ้นขึ้น
ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีขบวนการทุบตลาดหุ้นจากพอร์ตโบรกเกอร์และกองทุนในประเทศนั้น นายก้องเกียรติ มองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)มีกฏเกณฑ์ควบคุมที่เข้มงวดอยู่แล้ว และการเข้าซื้อขายของพอร์ตโบรกเกอร์มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้ตลาดไม่ซบเซาลง