"การที่บริษัทกลับเข้าตลาดหุ้นจะทำให้มีความแข็งแกร่งขึ้นและสามารถเพิ่มทุนเพื่อนำเงินมาลงทุนขยายธุรกิจต่อไปได้ และมีความพร้อมที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงิน แต่หากมีการเพิ่มทุนก็จะต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นเป็นหลัก ขณะที่การกู้เงินก็จะต้องไม่กระทบต่อกระแสเงินสดในการจ่ายคืนเงินกู้ด้วย"นายแวน กล่าว
AJP หรือเดิมคือ บมจ.ซิโน-ไทย รีซอร์เซส ดีเวลลอปเม้นท์(STRD)ปรับโครงสร้างธุรกิจมาประกอบธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ซึ่งได้รับสิทธิในการจัดหา และ/หรือ ผลิตโปรแกรมรายการโทรทัศน์ และ/หรือทำสัญญาร่วมผลิตรายการกับผู้ร่วมผลิตรายการโทรทัศน์ สำหรับช่องสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม จำนวน 16 ช่องสถานี เป็นระยะเวลา 10 ปี จากบริษัท เอ็ม วี เทเลวิชั่น(ไทยแลนด์) จำกัด รวมทั้งบริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์เพื่อให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ระดับชาติจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)
นายแวน กล่าวว่า จากการดำเนินธุรกิจให้เช่าช่องสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มช่องจำนวนอีก 8 ช่องสถานี รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 16 ช่องสถานี ซึ่งบริษัทคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/56 โดยคาดว่าทั้งปีนี้จะมีรายได้ราว 150 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นเต็มปีในปี 57 ซึ่งจะทำให้มีรายได้รวมราว 180-190 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากฐานผู้ชมรายการผ่านช่องทีวีมีจำนวนค่อนข้างมากประมาณ 5-6 ล้านราย
ประกอบกับบริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ระดับชาติจาก กสทช.เป็นระยะเวลา 15 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัทยังมีแผนจะเข้าร่วมกับพันธมิตรในการเข้าไปเป็นผู้ผลิตรายการร่วม เพื่อหารายได้เข้ามาเพิ่มจากค่าเช่าโฆษณาและขยายฐานผู้ชมให้กับช่องรายการ โดยมองว่าจะเป็นประเภทช่องรายการวาไรตี้เป็นหลัก ออกอากาศเบื้องต้น 16 ชั่วโมงในบางช่องรายการก่อน เนื่องจากบริษัทมีนโยบายในการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง
"บุคลากรของเรามีเพียงพอและพร้อมที่จะขยายงาน มองว่าถ้าคอนเท้นท์ดี ผู้ชมก็จะหนาแน่น และค่าโฆษณาก็จะเข้ามาเอง ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้รายได้บริษัทเพิ่มขึ้น และกำไรค่อนข้างแน่นอน"นายแวน กล่าว